วันนี้ (1 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เปิดเผยถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำเงินจำนวน 6 ล้านบาท ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อตรวจสอบที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวหลังพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกอ้างว่าเป็นของ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว
ซึ่งการสอบปากคำนายชูวิทย์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สอบถามประเด็นเรื่องเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของใคร มาอยู่กับนายชูวิทย์ได้อย่างไร และมามอบให้ในวัตถุประสงค์อะไร พร้อมระบุว่ามีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอาทิ นายพล ป. นายพล อ. ร่วมถึงบุคคลที่มีการกล่าวอ้างรายชื่อในวันแถลงข่าวว่ามีใครและระบุตัวตนว่าเป็นใครบ้าง
ซึ่งนายชูวิทย์จะให้การอย่างไรถือว่าเป็นสิทธิ์ของนายชูวิทย์ แต่ตำรวจก็มีสิทธิ์ที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อคำให้การก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาตำรวจก็มีหลักฐานจากการโพสต์ การไลฟ์สด และการแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนของนายชูวิทย์มาโดยตลอด ทำให้หลังจากนี้ต้องมีการตรวจพิสูจน์ว่าข้อมูลใดเป็นเท็จ และข้อมูลใดเป็นความจริง แต่เชื่อว่านายชูวิทย์มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายมาก่อนแล้ว เนื่องจากกรณีดังกล่าวอาจจะมีความพัวพันกับความผิดมูลฐานฟอกเงิน เพราะเงินจำนวนดังกล่าวถูกระบุไว้ว่า “เป็นเงินของ สว.ซัว ซึ่ง สว.ซัว อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ และดำเนินคดีในความผิดเรื่องการจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะคนกลาง จะต้องมีการตรวจสอบในทุกมิติ อีกทั้งจะต้องมีการเชิญนายพล ป./ นายพล อ./นายเปา และนายศักดิ์ ที่มีข้อมูลว่าอยู่ด้วยกันในวันที่มีการส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าว ให้กับนายชูวิทย์ที่โรงแรมเดวิส มาสอบปากคำด้วย
ทั้งนี้ การให้การของนายชูวิทย์เมื่อวานนี้ ถือว่าเป็นการให้ปากคำอย่างเป็นทางการกับพนักงานสอบสวนครั้งแรก ของคดีเงิน 6 ล้านบาท ส่วนการให้สัมภาษณ์ ไลฟ์สด หรือโพสต์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ ไม่ถือว่าเป็นการให้ถ้อยคำแต่อย่างใด
ส่วนนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนถึงกรณีเรื่องเงิน 6 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคำให้การของทั้ง 2 ไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกับนายชูวิทย์ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวพนักงานสอบสวนจะมีการนัดหมายประชุมในสัปดาห์หน้า เพื่อวางกรอบการทำงาน ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงของเรื่องราวทั้งหมด อีกทั้งต้องตรวจสอยที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าวด้วย ว่าเป็นของใคร หรือเป็นของ สว.ซัว ตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ ทั้งนี้ยืนยันว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะให้ความเป็นทำกับทุกฝ่าย