น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรคเพื่อชาติกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคเพื่อชาติในกรณีการกำหนดตัวผู้สมัครส.ส.แบบเขต ว่าขณะนี้พรรคยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมและจัดทำคุณสมบัติของผู้สมัครให้ครบถ้วนเพื่อที่จะส่งตัวผู้สมัครเข้าไปสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 3 เมษายนนี้ซึ่งแน่นอนว่าทางพรรคเพื่อชาติจะพยายามส่งผู้สมัครให้ครบทุกเขต แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากแต่พรรคเพื่อชาติยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็มีตัวผู้สมัครอยู่แล้วกว่า 100 เขตทั่วประเทศและก็เป็นการกระจายตัวของผู้สมัครอยู่ในทั่วทุกภาคของประเทศไม่ได้เน้นที่ภาคเหนือเพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมาเพราะว่าพรรคเพื่อชาติตั้งใจจะทำพรรคเพื่อชาติให้อยู่ยั่งยืนและขยายพรรคจากพรรคขนาดเล็กเป็นพรรคขนาดกลางและเป็นพรรคขนาดใหญ่ต่อไปในอนาคต
ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้นทางพรรคเพื่อชาติกำลังดำเนินการและมีความพยายามที่จะส่งผู้สมัครให้ครบทั้ง 33 เขต ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการทำ primary vote เพื่อดูความพร้อมว่ามีมากน้อยแค่ไหน ส่วนขั้นตอนต่างๆของการ เตรียมการที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งของผู้สมัครในพรรคนั้นก็ได้มีการดำเนินการไปแล้วกว่า 80% เพื่อให้ทันในวันที่ 3 – 4 เมษายนนี้ เพราะทางพรรคเพื่อชาติตั้งใจอยากให้ได้ผู้สมัครที่กระจายตัวอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคเพราะไม่ได้อยากเป็นตัวแทนพรรคของภูมิภาคแต่พรรคเพื่อชาติอยากเป็นพรรคการเมืองที่เป็นพรรคตัวแทนของประชาชนทั่วประเทศ
“ส่วนคำถามที่ว่าพรรคเพื่อชาติมีแนวคิดอย่างไรเรื่องการควบรวมกับพรรคการเมืองอื่นในอนาคตหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว เรื่องนี้หัวหน้าพรรคเพื่อชาติก็ระบุว่าจริงๆแล้วอุดมการณ์ของพรรคเพื่อชาติตั้งแต่ต้น และที่ตนได้เข้ามาสานต่อนั่งในตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าเรามีอุดมการณ์ที่จะอยู่ฝั่งประชาธิปไตยดังนั้นหลังการเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือจะเป็นฝ่ายค้านก็ตามพรรคเพื่อชาติก็มองว่าพรรคเพื่อชาติจะยึดมั่นในอุดมการณ์ตามเดิมก็คือจะไปอยู่ร่วมกับฝั่งประชาธิปไตยที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างที่สุด”
“และในวันที่ 31 มีนาคมนี้ทางพรรคเพื่อชาติก็จะเปิดตัวแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีรวมถึงเปิดตัวผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในพื้นที่เขตกรุงเทพฯทั้งหมดรวมถึงจะมีการเปิดนโยบายของพรรคอย่างเป็นทางการด้วย” หัวหน้าพรรค กล่าว