หลังมีข่าวการหายไปของสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 จากโรงไฟฟ้า ในอ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี นานกว่า 10 วัน และเพิ่มเงินรางวัลสำหรับผู้พบเบาะแสถึง 1 แสนบาท ล่าสุด มีรายงานการพบที่โรงหลอมเหล็ก ที่อยู่ใน อ.กบินทร์บุรี

ทันทีที่พบ ก็มีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งจังหวัดปราจีนบุรี มีกำหนดจะแถลงข่าววันนี้ ขณะนี้มีคำสั่งปิดโรงงาน เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งปรากฎข่าวการหายไปเป็นครั้งแรก จากโรงไฟฟ้าเอกชนแห่งนี้ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เริ่มค้นหา ตั้งแต่ได้รับแจ้งว่า ซีเซียมหายไป เมื่อ 10 มีนาคม 2566 นำเครื่องตรวจจับออกค้นหาในทุกมิติ

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ อธิบายว่า ซีเซียม ที่คาดว่ามีอยู่ราวๆ ครึ่งช้อนชา ถูกบรรจุในแคปซูล ที่ห่อหุ้มด้วยท่อตะกั่วกลมน้ำหนักราวๆ 25-50 กิโลกรัม ถูกติดตั้งอยู่บนสถานที่ที่มีความสูงราวๆ ตึก 5 ชั้น เพิ่งจะตรวจสอบตามวงรอบเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังขออนุญาตมีไว้เพื่อใช้งาน เมื่อปี 2538 ลักษณะการบรรจุที่เป็นภาชนะโลหะ ทำให้ความกังวลว่า มันจะถูกนำไปแปรสภาพ ซึ่งหากแท่งซีเซียมถูกผ่าออก จนถึงข้างในจนแคปซูลเสียหาย จะทำให้ผู้สัมผัสเสี่ยงอันตราย มีโอกาสเป็นมะเร็ง แต่ในทางเทคนิค หากไม่ได้เปิดแคปซูลด้านในออก ก็จะไม่เกิดปัญหาแต่การค้นหาในพื้นที่โรงงานที่กว้างนับพันไร่ ซึ่งมีมาตรการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น กลับไม่พบซีเซียม

ทำให้มีข้อสังเกตว่า พื้นที่โรงงานมีการรักษาความปลอดภัยสูง ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ จากนั้น ขยายวงออกค้นหาพื้นที่นอกโรงงานก็คือ ร้านรับซื้อของเก่า ก็ไม่พบ จนกระทั่งขยายพื้นที่เป้าหมายไปที่โรงหลอมเหล็ก ที่มา พบซีเซียมเกินมาตรฐานที่โรงงานแห่งหนึ่ง

หลักการก็คือ การตรวจจับปริมาณรังสี ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมาตรวจเจอซีเซียมในโรงหลอมเหล็กแห่งนี้ สูงกว่าค่ามาตรฐานถึง 3 เท่า แต่ในทางเทคนิค นี่อาจจะเร็วเกินไป ที่จะนับว่า เป็นฝุ่นแดง ที่หมายถึง ฝุ่นที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสี ตามคำนิยามของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เนื่องจาก ในทางเทคนิค การพบซีเซียมในฝุ่น อาจต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่า มาจากวัตถุที่ใช้ในกระบวนการหลอมเหล็กตามปกติหรือไม่