วันนี้ (18 มี.ค. 2566) กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง “PM 2.5 เกินมาตรฐาน วิกฤตการณ์ที่คนไทยต้องเผชิญ” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,071 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.6 มีความกังวลมากถึงมากที่สุดว่าสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในขณะนี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว ขณะที่ร้อยละ 46.4 มีความกังวลน้อยถึงน้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าตัวท่านหรือคนในครอบครัว ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างไรบ้าง พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 57.8 มีอาการไอ แสบคอ รองลงมาร้อยละ 51.6 มีอาการจาม มีน้ำมูก เลือดกำเดาไหล และร้อยละ 31.3 มีอาการแสบตา คันตา ตาแดง
ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 88.1 เลือกใช้วิธีป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นPM 2.5 รองลงมาร้อยละ 32.4 ระบุว่าไม่ออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น และร้อยละ 26.9 ระบุว่าหลีกเลี่ยง/งดไปในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง
ส่วนมาตรการการบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5 จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีนั้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.6 ระบุว่าควรหาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต้นเหตุจริงๆ รองลงมาร้อยละ 52.6 ระบุว่า ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่กระทำการเผาในที่โล่งแจ้ง และร้อยละ 46.1 ระบุว่าควรตรวจสอบโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองหากเกินมาตรฐาน
ทั้งนี้เมื่อถามว่า ตัวท่านเองจะสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างไรบ้าง ประชาชนร้อยละ 50.0 ระบุว่าจะปลูกต้นไม้ช่วยลดมลพิษ รองลงมาร้อยละ 48.4 ระบุว่าจะร่วมมือกับทางการงดเผาในพื้นที่การเกษตรและในที่โล่งแจ้ง และร้อยละ 29.9 ระบุว่าจะช่วยโพสต์/แชร์ ความรู้และอันตรายที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5