คัดลอก URL แล้ว
“ภิญโญ รู้ธรรม” หรือ ‘โย โลกเบี้ยว’ ผันตัวลงการเมือง นั่ง ผอ.พรรคเปลี่ยนอนาคต

“ภิญโญ รู้ธรรม” หรือ ‘โย โลกเบี้ยว’ ผันตัวลงการเมือง นั่ง ผอ.พรรคเปลี่ยนอนาคต

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่วัดโบสถ์ บ้านเกาะรัง ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี  พรรคเปลี่ยนอนาคตจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566  ทางพรรคได้เปิดตัว นายพินโย(ภิญโญ)  รู้ธรรม หรือ โย โลกเบี้ยว อดีตพิธีกร ผู้กำกับ ในฐานะประธานชมรมจิตอาสาเปลี่ยนอนาคตคนพิการ  มารับหน้าที่ผู้อำนวยการพรรคเปลี่ยนอนาคต พร้อมเปิดตัว ดร.อัครนันท์ อริยศรีพงษ์ หัวหน้าพรรคเปลี่ยนอนาคต นางอุมาพร แพรประเสริฐ เลขาธิการพรรค  อดีตผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ช่วยเหลือคนเดือดร้อนมามากมายซึ่งเป็นหนึ่งนโยบายของพรรคในการแก้ปัญหาหนี้สินคนไทย

  นายภิญโญ เปิดเผยถึงการตัดสินใจมารับหน้าที่ดังกล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่เมื่อได้ไปทำงานจิตอาสาเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้พิการกับเพื่อนๆเข้าไปช่วยเหลือคนพิการโดยทำงานร่วมกับมูลนิธิปัญญพัฒน์เพื่อคนพิการ เช่นการพาคนพิการไปทำบัตรประจำตัวคนพิการ ทำให้ทราบว่ามีคนพิการอีกจำนวนมากขาดโอกาสเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550   

ซึ่งนายภิญโญ ผอ.พรรคเปลี่ยนอนาคต และดร.อัครนันท์ หน.พรรคฯ   ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนชาวชัยบาดาลว่า “รู้มั๊ยว่า สิทธิคนพิการ ไม่ใช่แค่ขึ้นทะเบียนแล้วรับเงิน 800 บาทหรือ 1,000  บาทเท่านั้น แต่พ.ร.บ.คนพิการได้เพิ่มสิทธิให้คนพิการและครอบครับที่ด้วย  เช่น สิทธิในการกู้ยืมเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในการประกอบอาชีพรายละไม่เกิน 120,000  บาท แบบไม่เสียดอกเบี้ย,หรือ ระเบียบการปรับปรุงบ้าน ที่คนพิการและครอบครัวมีสิทธิได้รับครอบครัวละ 40,000 บาท, และคนดูแลคนพิการก็มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลืออีกด้วย   แต่บนความไม่รู้ว่ามีสิทธิเป็นช่องโหว่ในการหาผลประโยชน์ เช่นในต่างจังหวัดมีกรณีเจ้าหน้าที่รัฐนำโถส้วมไปแจกตามบ้านแล้วให้คนพิการลงลายมือชื่อรับโถส้วมมูลค่า 20,000 บาท ไปแทนแบบไม่รู้ตัว จนเสียสิทธิการปรับปรุงบ้านไป” นายภิญโญ ผอ.พรรค และ ดร.อัครนันท์ หน.พรรคกล่าว

นอกจากนี้นายภิญโญ ยังระบุอีกว่าตัวเลขคนพิการที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2566 มีจำนวน 2,167,745 คน  แต่ข้อมูลคนพิการมีมากกว่านั้นเท่าตัว เพราะหากเปรียบเทียบในปี 2560  กรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการรายงานตัวเลขคนพิการที่ขึ้นทะเบียนไว้จำนวน  1.86  ล้านคน ในปีเดียวกันนั้นสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สำรวจความพิการ จากการประชากรทุกกลุ่มอายุ พบมีผู้พิการทั้งสิ้น จำนวน 3.7 ล้านคนเห็นได้ชัดเจนว่ายังมีคนพิการกว่าเท่าตัวที่เข้าไม่ถึงสิทธิ และยิ่งปัจจุบันสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้แนวโน้วผู้พิการในกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นไปอีกด้วย  ที่ผ่านมาชมรมจิตอาสาเปลี่ยนอนาคต ได้รับความช่วยเหลือจาก ดร.อัครนันท์ อริยศรีพงษ์ หัวหน้าพรรคเปลี่ยนอนาคต มาช่วยเป็นที่ปรึกษาของชมรมฯ จนวันหนึ่งเห็นตรงกันว่าการช่วยเหลือคนพิการหากทำในรูปแบบชมรม หรือ มูลนิธิฯก็ช่วยเหลือคนพิการได้ไม่ครอบคลุม หากได้มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯช่วยทวงคืนสิทธิให้คนพิการได้มากขึ้น เช่นการอำนวยความสะดวกให้คนพิการและครอบครัวเข้าถึงสิทธิที่พึงมีพึงได้ไปพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ,การลดความยุ่งยากในการขึ้นทะเบียนคนพิการ ซึ่งต้องเดินทางไปหลายหน่วยงานกว่าจะได้บัตรคนพิการ ทำให้ตัดสินใจเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการพรรคเปลี่ยนอนาคตเพราะเห็นว่าการเมืองเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะสานต่องานของชมรมได้สำเร็จ

ด้านดร.อัครนันท์ อริยศรีพงษ์ หัวหน้าพรรคเปลี่ยนอนาคต กล่าวเสริมว่า พรรคเปลี่ยนอนาคตเป็นพรรคเล็กแต่คนที่มาร่วมอุดมการณ์กับพรรคมีความพร้อมมาก หลายท่านมีประสบการณ์ทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศเช่น      นางอุมาพร  แพรประเสริฐ เลขาธิการพรรคเปลี่ยนอนาคต เป็นอดีตผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ช่วยเหลือคนเดือดร้อนมามากมายซึ่งเป็นหนึ่งนโยบายของพรรคในการแก้ปัญหาหนี้สินคนไทย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง