นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ว่า ปัจจุบันมีการใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกายผู้อื่นเพิ่มมากขึ้นทุกปี และอาวุธปืนที่นำมาใช้ในการก่อเหตุนั้น เป็นอาวุธปืนเถื่อนที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้ง มาตรการปราบปรามอาวุธปืนเถื่อนที่ใช้ในปัจจุบัน ยังไม่บรรลุผล เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจค้นได้ เฉพาะกรณีที่มีข้อมูลน่าเชื่อถือว่า
บุคคลนั้นใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิด มีพฤติการณ์ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมายหรือมีความเป็นไปได้ที่จะนำอาวุธปืนไปก่อเหตุร้าย หรือเป็นผู้มีส่วนร่วมกระทำความผิด ทำให้ยากต่อการควบคุม ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ครม.จึงมีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปีน พ.ศ. 2490 โดยกำหนดให้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่อยู่ภายในราชอาณาจักรมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้นำเข้าอาวุธปืนจากประเทศเพื่อนบ้านมาขึ้นทะเบียน หรือให้มีการส่งมอบอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ คืนแก่นายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนด และกำหนดเพิ่มเติมให้นายทะเบียนท้องที่จัดทำรายละเอียดและจัดเก็บอัตลักษณ์เกี่ยวกับอาวุธปืนด้วย สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ มีดังนี้
1.ให้บุคคลที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนดังกล่าวมาขอรับอนุญาตเให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในระยะเวลา 180 วัน โดยไม่ต้องรับโทษ
2.ให้บุคคลที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ที่กฎหมายไม่อนุญาตให้มีและใช้ไว้ในครอบครองหรือจำหน่าย เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการทำลายสูงเป็นอันตรายต่อประชาชน ให้ผู้ที่มีอาวุธปืนดังกล่าวนำมามอบให้แก่หน่วยทหารที่ใกล้ที่สุดภายใน180 วัน โดยไม่ต้องรับโทษ ทั้งนี้ ทางราชการไม่จำเป็นต้องชดใช้ราคาและให้อาวุธปืนนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
3.ให้นายทะเบียนท้องที่มีอำนาจในการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืนที่นำมาดำเนินการทางทะเบียน เช่น การทำเครื่องหมายทะเบียน การโอนการแจ้งย้ายไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งอาวุธปืนที่นำมาขึ้นทะเบียนขออนุญาต เพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้องทางทะเบียนอาวุธปืน การตรวจสอบหาอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุอาชญากรรม หรือเพื่อประโยชน์อื่นใดในทางราชการ