จากกรณี “สารวัตรกานต์” นายตำรวจ สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว สันติบาล วัย 51 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่งขังตัวเองในบ้าน พร้อมยิงปืนขู่เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาในบ้าน ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนเวลายื้ดเยื้อไปหลายชั่วโมง กระทั่งเวลา 18.50 น. เจ้าหน้าที่ได้พยายามใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสยบความคลั่งสารวัตรกานต์ แต่ก็ยังไม่สามารถคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ และยังปิดล้อมพื้นที่เช่นเดิม
ล่าสุดเวลา 21.30 น. ภายหลังจากการเจรจาในส่วนของสารวัตรกานต์ ไม่เป็นผล แต่กลับคลุ้มคลั่งกว่าช่วงกลางวัน โดยตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อม มีการให้วีดีโอคอลคุยกับแม่และอดีตภรรยารวมไปถึงลูกแต่สารวัตรกานต์กลับไม่ตอบรับ และบอกว่า “ขอใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่ง” หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม และพูดให้กำลังใจ พร้อมให้พูดระบายความอัดอั้นในใจออกมา
ซึ่งระหว่างนี้ในส่วนของตำรวจได้ประสานจิตแพทย์และทีมจิตแพทย์เข้ามาช่วยในการเกลี้ยกล่อมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้พบว่าในบ้านของตำรวจคลั่ง มีอาวุธทั้งปืนและมีดจึงไม่สามารถเข้าไปภายในบ้าน หรือชาร์จตัวได้ เจ้าหน้าที่จึงพยายามใช้วิธีละมุนละม่อมให้มากที่สุด
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้เมื่อไหร่ เนื่องจากคนสนิทของตำรวจคลุ้มคลั่งให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ตำรวจนายนี้มักมีอาการคลุ้มคลั่งแบบนี้บ่อยครั้ง หลังจากนั้นจะค่อยๆเย็นลง แต่ขอให้ได้ระบายหรือพูดและมีคนรับฟังก็จะสงบลง และจากการตรวจสอบประวัติรักษาอาการจิตเวช ไม่พบว่าตำรวจรายดังกล่าวเข้ารับการรักษาตามสิทธิ์
ขณะที่เวลา 21.55 น. ทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.ได้เรียกประชุม เพื่อกำหนดยุทธวิธี โดยมีพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมหารืออย่างเคร่งเครียด ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโดและอรินทราช 26 ได้เข้าประจำจุดเพื่อปฎิบัติตามแผน ซึ่งเป็นการเตรียมการหากมีการยิงแก๊สน้ำตาครั้งที่ 2 จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อเพื่อให้เกิดควาปลอดภัยที่สุด
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ยังได้กล่าวภายหลังการประชุมหารือกับชุดทำงานเกลี้ยกล่อมว่า ขอยืนยันว่าจะไม่ทำตามกระแสสังคมที่ให้เร่งดำเนินการชาร์จตัว เพราะการใช้ชุดจู่โจมไม่ได้แปลว่าจะมีการชาร์จตัวเข้าจับกุมเพียงอย่างเดียว เพราะตามยุทธวิธีนั้นมีขั้นตอนหลากหลาย
ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ใช้แก๊สน้ำตาชุดที่ 2 อีก แต่ได้มีการตระเตรียมไว้ เพราะต้องการที่จะให้ทางสารวัตรกานต์มีท่าทีที่อ่อนลง โดยประสานให้ทางนักจิตเวช นักจิตบำบัดมาคุยกับสารวัตรกานต์ ขอให้ได้ระบาย ถ้าพูดระบายเสร็จเป็นผล เจ้าหน้าที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง การเจรจาที่ผ่านมาสานวัตรกานต์ระบายออกความเครียดเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน แต่บางครั้งพูดไปไกลเกินคนทั่วไป
สำหรับสารวัตรกานต์มีผู้บังคับบัญชาเห็นพฤติกรรมแล้วว่ามีอาการป่วยและไม่ได้กินยาต่อเนื่อง จึงเฝ้าระวังและพยายามให้การรักษามาตลอด แต่การขาดยาทำให้มีอาการดังกล่าว สุดท้ายขอฝากไปถึงประชาชน อย่าเพิ่งเข้าไปยังที่พักใกล้จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับทางสำนักงานเขตสายไหม เพื่อหาที่พักผ่อนและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้เบ็ดเสร็จก่อน