พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล​ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ารับสำนวนคดีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 116 นาย เอื้อประโยชน์วีซ่าให้กับทุนจีนสีเทา ที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดี เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย  ก่อนจะส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เวฬุวัน จ.ขอนแก่น ในฐานะเจ้าของคดี และจะส่งมอบให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณา ไตร่สวน ชี้มูลความผิด

สำนวนคดีในวันนี้  มีผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รวม 116 นาย  แบ่งออกเป็นในฐานความผิดมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  จำนวน 107 นาย ต่างกรรมต่างวาระ รวม 8,000 กรรม 

ส่วนในฐานความผิดมาตรา 149  เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด โดยมิชอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบความเชื่อมโยง ตำรวจ 9 นาย

ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 400 ปาก รวมพยานหลักฐานต่างๆในคดีทั้งหมดที่จะส่งมอบในครั้งนี้กว่า 40 ลัง หรือจำนวนกว่า 1 แสนแผ่น มีผู้ต้องหาที่เป็น ตำรวจ ยศนายพล จำนวน 3 นาย ทั้ง3 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในฐานความผิด157 ด้วย

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ยังระบุถึงนายพลที่ถูกดำเนินคดีและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนในร้อยตำรวจด้วยว่า

“แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่หากทำผิดก็ต้องดำเนินคดี รวมทั้งนายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้วก็จะมีขั้นตอนในการดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน 

นอกจากนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังระบุว่า การสืบสวนขยายผลจากคดีนี้ ได้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พบมีกลุ่มคนจีนเข้ากว้านซื้อหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่ง พบอย่างน้อย4- 5 โครงการ โดยเป็นการซื้อเหมาทั้งโครงการไปจนถึงการพยายามที่จะซื้อโรงเรียนเอกชนและว่าจ้างคนไทยในกลุ่มอาชีพหัตถการ งานฝีมือด้านต่างๆไป ว่าจ้างทำผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งออกจำหน่ายไปยังประเทศจีน

พร้อมยืนยันว่า ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องปฏิรูปการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพราะเป็นด่านหน้าของประเทศ ที่มีหน้าที่คัดกรองผู้คนเข้าสู่ประเทศ หากทำงานดีมีประสิทธิภาพก็จะสามารถ ลดปัญหาอาชญากรรม ลงได้