เป็นอีกเหตุการณ์สุดสะเทือนใจสำหรับคนไทยที่ไปใช้แรงงานในต่างประเทศ เมื่อมีแรงงานไทยวัย 67 ปี ในฟาร์มหมูที่เกาหลีใต้ ล้มป่วย ก่อนเสียชีวิต เจ้าของฟาร์มกลัวความผิดว่าแรงงานไทยที่จ้างนั้นเป็นผีน้อยแรงงานผิดกฎหมายกว่า 10 ปี จึงนำศพไปทิ้งเชิงเขา
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปได้จับกุม “เถ้าแก่ฟาร์มหมู” แห่งหนึ่งใน จังหวัด คยองกี ที่อำพรางศพแรงงานไทยผิดกฎหมายวัย 67 ปี หรือ “ลุงบุญชู” ที่มาทำงานภายในฟาร์มหมูแห่งนี้นานนับ 10 ปี ก่อนจะหายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
ตำรวจจึง แจ้งข้อหา “เถ้าแก่ฟาร์มหมูและลูกของเจ้าของฟาร์ม” เนื่องจากตำรวจให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ลูกชายของเจ้าของฟาร์ม และตัวเจ้าของฟาร์มได้เคลื่อนย้ายศพ ลุงบุญชูไปทิ้งไว้บนเขา ตำรวจจึงแจ้งข้อหา เจ้าของฟาร์มและลูก ในข้อหา อำพรางศพ และปกปิดข้อเท็จจริงที่ว่าจ้างคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายมาทำงาน
ส่วนสาเหตุตำรวจสันนิษฐานว่า ที่ลุงบุญชูเสียชีวิต เกิดจากปัญหาหลายปัจจัยทั้งสุขภาพ ที่อยู่อาศัยไม่ถูกสุขอนามัย อากาศหนาว ความชื้น แก๊สพิษจากมูลสุกร เพราะมีกลิ่นแรงมาก หน้าห้องพักมีซากหมูที่ห่อด้วยพลาสติก โรงเรือนพักถูกสร้างอย่างง่าย มีเพียงผนังปูนที่กั้นกับโรงเลี้ยงหมูติดกันพบคราบมูลสุกรไหลลงมาตามผนัง อาจเป้นสาเหตุการเสียชีวิต เพราะได้รับไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือ แก๊สไข่เน่า จากมูลสัตว์มากเกินไป ส่วนผลการตรวจนิติวิทยาศาสตร์ ไม่พบร่องรอยการฆาตกรรม
คุณกุ้ง หญิงไทยที่ทำงานในเกาหลีใต้ หนึ่งในผู้ที่ออกตามหาลุงบุญชู เล่าว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา ภรรยาของลุงบุญชูติดต่อมา ให้ช่วยตามหาจึงไปตามหาที่ฟาร์มหมูดังกล่าว เจ้าของฟาร์มห้ามเข้า อ้างว่าลุงบุญชูหนีไปแล้ว จึงแจ้งความกับตำรวจจึงรู้ว่าลุงบุญชูไม่สบาย แล้วเจ้าของฟาร์มได้เคลื่อนย้ายศพไปทิ้ง ก่อนหน้านี้ เคยชวนลุงบุญชูไปทำงานที่อื่น แต่ลุงก็ไม่ไป เพราะนายจ้างคนนี้ใจดีจ่ายเงินให้ครบ จึงไม่อยากย้ายไปไหน และภายในเดือนหน้าลุงบุญชูมีกำหนดการจะกลับเมืองไทยด้วย แต่มาเกิดเหตุก่อน
| ด้านครอบครัวที่อยู่ที่ในไทยได้ประสานทางเกาหลีใต้ ทราบว่า หากนำศพลุงบุญชูกลับไทยต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 11 ล้านวอน หรือเกือบ 3 แสนบาท จึงยังไม่ได้ตัดสินใจ อีกทั้งช่วงนี้ก็ยังไม่สามารถนำศพกลับได้ เนื่องจากสำนวนคดียังไม่เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอายัดไว้ก่อน |
