พลตำรวจตรี ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้อาคารกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ว่าบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเป็นอาคารสูง 3 ชั้น

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เรื่องของเอกสารที่มีการนำมาเก็บไว้ในพื้นที่ พบว่า ส่วนหนึ่งได้รับความเสียหาย แต่อีกส่วนหนึ่งอยู่บริเวณที่ไม่ได้รับความเสียหาย ไม่ส่งผลต่อเอกสารสำคัญในคดีต่างๆ ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เนื่องจากไม่อยู่ในส่วนที่เกิดเหตุเพลิงไหม้

ส่วนจุดที่เกิดเพลิงไหม้เป็นส่วนของสำนักงาน ส่วนใหญ่เป็นคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความเสียหายและทรัพย์สินส่วนตัว โดยอาคารดังกล่าวเป็นอาคารเก่าก่อสร้างมานานแล้วกว่า 60 ปี

ก่อนหน้านั้น พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เร่งหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ รวมทั้งสภาพโครงสร้างอาคารที่มีความเสียหายจะเกิดอันตรายหรือไม่

โดยได้รับรายงานเบื้องต้น จากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า สาเหตุไฟไหม้เกิดจากกระแสไฟในคอมเพรสเซอร์แอร์ลัดวงจร

ขณะเดียวกัน ยังสั่งการให้ตรวจความเสียหายของทรัพย์สินที่เกิดเพลิงไหม้ทุกชนิดโดยละเอียด ทั้งเอกสารทางราชการ รถยนต์ หรือทรัพย์สินอื่นๆ พร้อมกับให้กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ตร. เร่งเข้าปรับปรุงอาคาร 9 ชั้นด้านหลัง เพื่อเป็นที่ทำการชั่วคราว ให้พร้อมบริการพี่น้องประชาชน และดูแลความเป็นอยู่ สวัสดิการ ขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งตำรวจพร้อมจะสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ

มีรายงานว่า ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 มีคดีสำคัญต่างๆ หลายคดี ซึ่งอาจมีการรวบรวมพยานหลักฐานมาเก็บไว้ที่อาคารดังกล่าว อาทิ คดีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองข่มขืนและอนาจารผู้เสียหายหลายรายในพื้นที่ สน.ลุมพินี, คดีบ่อนการพนันในพื้นที่ สน.คลองตัน รวมถึงคดีต่างๆ อีกหลายคดี แต่ตามคำยืนยันของผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เอกสารในคดีสำคัญๆ ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้