ปี 2564 พบวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี ป่วยซิฟิลิสมากกว่าปี 2560 ถึง 2 เท่า ขณะที่ปัญหาท้องไม่พร้อมในวัยรุ่นยังน่ากังวล สสส.สานพลัง ร่วมกับนักวิชาการ-เครือข่ายพ่อแม่-เยาวชน เปิดเวทีเสวนา “คุยเรื่องเพศ ลดโอกาสพลาด” หนุนครอบครัวสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อเรื่องเพศ คุยเรื่องเพศกับลูก ลดโอกาสพลาดจากเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย
นายซาหดัม แวยูโซ๊ะ เยาวชนจากกลุ่มลูกเหรียง หนึ่งในผู้ร่วมเวทีเสวนา สะท้อนว่า ปกติเมื่อเจอปัญหา หรือ มีข้อสงสัยในเรื่องเพศ ทั้งจากร่างกายที่เปลี่ยนไป หรือด้านความรู้สึก มักจะเลือกปรึกษาเพื่อนสนิท หรือครู เพราะกล้าที่จะเปิดเผยมากกว่า โดยเฉพาะกับเพื่อน เพราะรู้สึกสบายใจ ไม่กดดัน และไม่ถูกตำหนิ ทำให้รู้สึกปลอดภัย ไม่เหมือนกับการสอบถามในเรื่องที่ตัวเองสงสัยกับพ่อแม่ ที่มักคิดว่าพ่อแม่ไม่ทันสมัย และไม่เข้าใจวัยรุ่น พร้อมเสนอมุมมองว่า หากพ่อแม่ หรือผู้ปกครองอยากให้ลูกกว่าที่จะพูดคุยมากขึ้น ก็อยากให้พ่อแม่เลือกบรรยากาศและช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสนทนากับลูก เช่น ชมข่าว หรือดูละครร่วมกัน แล้วมีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ให้เป็นโอกาสที่ดีในการสนทนา และขอให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองใจเย็น อย่ากดดัน ตำหนิ หรืออย่าพยายามให้ลูกตอบคำถาม เพราะบางครั้งการแสดงออก หรือการสื่อของเด็กอาจเป็นประโยคบอกเล่า เช่น มีแฟนแล้วนะ แต่ถ้าพ่อแม่สวนว่า ทำไมรีบมี ยังเด็กอยู่เลย บทสนทนานั้นจะจบลงทันที
นายซาหดัม ยังเสนอด้วยว่า อยากให้มีแอปพลิเคชั่น หรือ แชทไลน์ของหน่วยงานรัฐที่จะให้บริการช่วยเหลือ รับฟัง ให้คำปรึกษา รวมถึงแนะนำเรื่องเพศ โดยไม่ซักถามตัวตนของเยาวชน เพื่อให้เด็กกล้าเล่า กล้าคุยในเรื่องเพศมากขึ้น
ด้านนายศิริพงษ์ เหล่านุกูล คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวซึ่งมีลูกกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เล่าว่า ลูกชายวัย 11 ปี เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ทำให้การสนทนาพูดคุยระหว่างพ่อกับลูกเปลี่ยนไปตามวัย ลูกค่อนข้างเงียบขึ้น ไม่เหมือนวัยเด็กที่จะเล่าประสบการณ์ในโรงเรียนให้ฟังทุกคืนก่อนนอน ทำให้การเริ่มต้นบทสนทนา โดยเฉพาะเรื่องเพศ ต้องดูที่บรรยากาศว่าลูกกำลังทำอะไร ไม่ให้เกิดความรู้สึกอึดอัด หรือเหมือนถูกบังคับให้ต้องพูดคุย จากนั้นใช้การเล่าประสบการณ์ของตัวเองก่อน เพื่อเปิดบทสนทนา เช่น วัยเด็กพ่อมีเพื่อนผู้หญิงแบบนี้ แล้วค่อยถามว่าในห้องเรียนของลูกมีเพื่อนผู้หญิงแบบไหน ลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วก็เล่าประสบการณ์ความรักของตนเองให้ลูกฟัง
“แต่ก่อนคิดเสมอว่า จะเริ่มต้นพูดเรื่องเพศกับลูกอย่างไรดี เคยถึงขั้นนำวิดีโอมาดู แต่ตอนหลังฉุกคิดได้ว่า การสื่อสารในครอบครัวเป็นบริบทเฉพาะ ไม่มีรูปแบบตายตัว โดยเคล็ดลับสำคัญ คือ ต้องสร้างความไว้วางใจ ขณะคุยต้องไม่สอน ไม่กดดัน ไม่ตำหนิ และแชร์ประสบการณ์ของตน นอกจากผู้ปกครองจะสามารถสื่อสารเรื่องเพศกับลูกได้อย่างใกล้ชิดแล้ว คนสำคัญถัดไป คือ ครูในโรงเรียน เพราะสำหรับเด็กครูบางคนคือไอดอล”
“ไม่รู้” หรือ “ไม่เท่าทัน” เรื่องเพศของเด็ก ส่งผลให้เด็กกลุ่มหนึ่งได้รับผลกระทบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการตั้งครรภ์ โดยข้อมูลอัตราการคลอดของวัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปี ในปี 2564 อยู่ที่ 24.4 ต่อประชากรหญิงอายุ 15-19 ปีพันคน อีกทั้งปัญหาติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างซิฟิลิส ในปี 2564 มีอัตราป่วยในเยาวชนอายุ 15-24 ปี อยู่ที่ 50.5 ต่อประชากรอายุ 15-24 ปีแสนคน สูงขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากปี 2560 สอดคล้องกับข้อมูลการใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอที่ค่อนข้างต่ำ
ข้อมูลตัวเลขโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น และปัญหาการตั้งครรภ์ที่ยังน่ากังวล สะท้อนได้ว่าเยาวชนส่วนหนึ่งไม่ได้รับข้อมูลหรือความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศอย่างถูกต้อง บางคนเลือกที่จะค้นหาข้อมูลเรื่องเพศจากสื่อต่างๆ อาทิ อินเทอร์เน็ต รวมทั้งจากการพูดคุยปรึกษากับเพื่อนๆ เนื่องจากเรื่องเพศเป็นเรื่องยากที่จะพูดในสังคมไทย ถูกผู้ใหญ่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย หยาบคาย ไม่จำเป็นต้องสอน เดี๋ยวเด็กโตไปก็สามารถเรียนรู้ได้เอง ทำให้กลายเป็นเรื่องที่ต้องปกปิดในวงสนทนาของครอบครัว หรือผู้ใหญ่กับเด็ก แท้ที่จริงไม่สามารถปิดกั้นความสนใจใคร่รู้ตามวัยของเด็กได้
นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการเสวนา “คุยเรื่องเพศ ลดโอกาสพลาด” ซึ่งคาดหวังให้กลุ่มผู้ปกครอง พ่อแม่เห็นความสำคัญของการคุยเรื่องเพศอย่างเปิดใจ การสื่อสารเชิงบวกในครอบครัว พร้อมแนะเทคนิคสำคัญในการสื่อสารกับลูก คือการรับฟังเพื่อสะท้อนความห่วงใย ไม่ตัดสินว่าถูกหรือผิด พูดคุยเหมือนเพื่อนที่ไว้ใจได้ ช่วยเป็นต้นทุนสำคัญให้สื่อสารเรื่องเพศกับลูกได้ง่ายขึ้น
ด้าน น.ส.อรพินท์ ศักดิ์เอี่ยม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเด็ก กรมกิจการเด็กเละเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดข้อมูลแนวโน้มสถิติเด็กและเยาวชนลดลงทุกปี จากข้อมูลของกรมการปกครอง พบว่า ในปี 2565 มีจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 13 ล้านคน หรือ ร้อยละ 19.7 ส่วนเด็ก 18-25 ปี มี 6.8 ล้านคน หรือ ร้อยละ 10.3 หากรวมเด็กทั้ง 2 กลุ่ม จะมีสัดส่วนร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด ขณะที่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น โดยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ขณะที่รูปแบบของโครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนเป็นครอบครัวข้ามรุ่น และแหว่งกลาง คือ ผู้สูงอายุต้องดูแลเด็ก คาดว่าในปี 2583 จะเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 15 จากปี 2562 อยู่ที่ ร้อยละ 13.7 ทำให้เป็นส่วนสำคัญของอุปสรรคในการสื่อสารเรื่องเพศในครอบครัว ส่วนปัญหาครอบครัวที่พบมากที่สุด คือ เด็กอาศัยในครอบครัวยากจนที่มีรายได้เส้นแบ่งความยากจนต่ำกว่า 2,600 บาทต่อเดือน ถึงร้อยละ 10.1 รองลงมาพ่อแม่มีปัญหาจิตเวช ปัญหาที่อยู่อาศัยของเด็กไม่ปลอดภัย ทั้งความแออัด ห้องน้ำรวมกัน โควิด-19 และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ทำให้เด็กก้าวตามไม่ทัน หลงเป็นเหยื่อในสื่อออนไลน์ และสารเสพติด ทางกรมกิจการฯ ได้เข้าช่วยเหลือนำเงินอุดหนุนให้กับครอบครัวเด็กแรกเกิด รายละ 600 บาท โดยมีแม่วัยรุ่นมาลงทะเบียนมากถึง 300,000 คน