เมื่อวันที่ 19 ก.พ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง “ค้านถาม ลุงตู่ตอบ” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,571 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 โดยเมื่อถามถึงการอภิปรายนายกรัฐมนตรี กรณี ตู้ห่าว และทุนจีนสีเทา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.2 ระบุชอบวลีเด็ด ของ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่า ซื้อบ้าน แถมสัญชาติ เชื่อมโยงกับ ธุรกิจครอบครัวพรรคการเมืองใหญ่ และพวกพ้อง ร้อยละ 55.6 ระบุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโต้ได้ดี มีประเด็น ทั้ง ตู้ห่าวได้สัญชาติช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ซื้อบ้านแถมสัญชาติ เกี่ยวโยงพรรคการเมืองใหญ่ ร้อยละ 54.8 ระบุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโต้ด้วยข้อมูลใหม่ ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ตู้ห่าว ได้สัญชาติไทยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 54.3 ระบุการอภิปรายนายกรัฐมนตรี กลายเป็น บูมเมอแรง กลับไปยัง พรรคการเมืองใหญ่ฝ่ายค้าน และร้อยละ 45.5 ระบุ ฝ่ายค้านอภิปรายในเรื่องรู้มาก่อนแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ ไม่ได้ประโยชน์อะไร
ที่น่าพิจารณา คือ ข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี จัดการปัญหา ทุนจีนสีเทา และพนันออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.7 ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ถอนสัญชาติไทยของคนต่างชาติที่ทำผิดร้ายแรง ยึดทรัพย์ และห้ามเข้าประเทศอีก ถ้ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.5 ระบุ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องจัดการเด็ดขาดกับขบวนการพัวพัน ทุจริต ธุรกิจสีเทา และ พนันออนไลน์
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึง ถ้าเลือกได้ จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า สูสีกันระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 28.5 กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 25.7 ในขณะที่ ตามมาติด ๆ คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 21.2 ทิ้งห่าง นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 14.4 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 3.8 และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เพียงร้อยละ 2.7 ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ เมื่อแบ่งระหว่าง คนกรุงเทพมหานคร กับ คนต่างจังหวัด พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใจคน กทม. ร้อยละ 33.0 ต่างจังหวัดร้อยละ 24.3 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ใจคน กทม. ร้อยละ 21.3 ต่างจังหวัดร้อยละ 29.9 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ใจคน กทม. ร้อยละ 9.2 ต่างจังหวัดร้อยละ 23.6 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้คน กทม. ร้อยละ 12.1 ต่างจังหวัด ร้อยละ 14.8 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้คน กทม. ร้อยละ 8.3 ต่างจังหวัดร้อยละ 2.9 ในขณะที่ พล.อ.ประวิตร์ วงษ์สุวรรณ ได้คน กทม. เพียงร้อยละ 2.9 ต่างจังหวัดก็ได้เพียงร้อยละ 2.6 เท่านั้น
สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล ระบุว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังกลับมาเพิ่มสูงขึ้นจนจี้ติดคะแนนนิยมของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร ที่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเพราะอยู่ในช่วงของความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 5 อันน่าจะเป็นผลจากการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้ที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า ภาพอนาคตหลังการเลือกตั้งที่เป็นไปได้สูงคือ โอกาสที่จะได้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นได้ ถ้าแพพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้ไม่แตกแยกออกไปอยู่คนละขั้วและพรรคร่วมรัฐบาลไม่แย่งปลาในบ่อเดียวกันในแต่ละเขตเลือกตั้ง เพราะตัวเลขทางสถิติชี้ให้เห็นได้ว่า ประชาชนตัดสินใจเลือกตั้งกระจัดกระจายไปตามกลุ่มผู้นำทางการเมืองแตกต่างกันและผลรวมตัวเลขสถิติครั้งนี้ออกมาพบว่า กลุ่มของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมกันเป็นกลุ่มที่มากเพียงพอจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งได้ไม่ยาก บนการออกแบบยุทธศาสตร์การเมืองช่วงเลือกตั้งที่ดีไม่แย่งปลาในบ่อเดียวกัน ไม่เช่นนั้นอาจจะได้เห็นผลลัพธ์เหมือนการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ครั้งล่าสุดที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แข่งขันกับอีกกลุ่มหนึ่งที่เสียงแตกแพแตก ก็เป็นได้
สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล ระบุต่อด้วยว่า ถ้าวิเคราะห์เจาะลึกสถานการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ จะพบว่า กำลังเกิดกระแสจะ “เอาทักษิณ” หรือ ไม่เอาทักษิณ หากเป็นเช่นนี้จริง ข้อมูลที่ค้นพบครั้งนี้จึงสะท้อนภาพได้ว่า โอกาสแลนด์สไลด์ไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้ากลุ่มไม่เอาทักษิณไม่แตก ไม่แย่งปลาในบ่อเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อจำนวนผู้สนับสนุนทั้งสองขั้วนี้พอ ๆ กัน โดยขั้วเอาทักษิณมีตัวแบ่งแค่สอง แต่ ขั้วไม่เอาทักษิณ ถูกแบ่งคะแนนไปกับหลายพรรค ดังนั้น ถ้าข้อเท็จจริงนี้เกิดขึ้นในทุกเขตเลือกตั้ง โอกาสแลนด์สไลด์ให้กับพรรคเพื่อไทยก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน.