คัดลอก URL แล้ว
บุกรวบสองผัว-เมีย ตระเวนงัดเซฟปั๊มน้ำมัน กว่า 30 ปั๊ม ทั่วภาคอีสาน

บุกรวบสองผัว-เมีย ตระเวนงัดเซฟปั๊มน้ำมัน กว่า 30 ปั๊ม ทั่วภาคอีสาน

กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันจับกุม น.ส.ภูสนิสาฯ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 44/2566 ลง 3 ก.พ. 66
ซึ่งจับกุมได้ที่บริเวณบ้านพักในพื้นที่ หมู่ 12 ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 06.30 น. และนายมารุตฯ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 445/2566 ลง 3 ก.พ. 66 โดยจับกุมได้บริเวณบ้านพักในพื้นที่ ม. 8 ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 06.30 น. ซึ่ง 2 ผู้ต้องหา มีฐานกระทำความผิด “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป”

สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีแก๊งโจรกรรมงัดตู้เซฟปั๊มน้ำมัน ที่ได้ตระเวนก่อเหตุ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 ถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ภาคอีสานกว่า 30 แห่ง โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้ชาวบ้านได้รับความเดือด สร้างความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ต่อมาพล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. มอบหมายให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. และชุดสืบสวน เร่งติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว

จากนั้นตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงได้ประสานข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ กว่า 30 แห่ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ทำการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง เพื่อถอดแผนประทุษกรรม พบว่ามีแผนประทุษกรรมการก่อเหตุแบบเดียวกันถึง 26 เคส โดยคนร้ายกลุ่มนี้ได้วางแผนเลือกเวลาก่อเหตุ มีการอำพรางตัว สวมถุงมือ ปกปิดใบหน้า เลือกปั๊มน้ำมันที่ไม่มีกล้องวงจรปิด และมีความชำนาญในเส้นทางการก่อเหตุ ด้วยเทคนิควิธีการดังกล่าว จึงทำให้ระบุกลุ่มคนร้ายได้ยาก

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงได้นำระบบฐานข้อมูล Big data มาใช้ในการตรวจสอบข้อมูลรถยนต์ที่เข้าในพื้นที่เกิดเหตุ กว่า 20,000 คัน และคัดกรองกลุ่มบุคคลที่น่าจะเกี่ยวข้องกับปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ จนพบกลุ่มบุคคลที่น่าสงสัย จำนวนกว่า 200 คน

หลังจากนั้นวันที่ 23 มกราคม 2566 คนร้ายได้ก่อเหตุอีกครั้งที่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ทำการสืบสวนจนพบรถยนต์ต้องสงสัยวิ่งเข้ามายังที่เกิดเหตุ จึงได้ติดตามพฤติกรรมเรื่อยมา พบว่า น.ส.ภูสนิสาฯ เป็นผู้จัดการปั๊มน้ำมัน แห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคอีสาน ได้ก่อเหตุร่วมกับสามี โดยขับขี่รถยนต์ ออกมาในเวลากลางคืน เพื่อตระเวนหาปั๊มน้ำมันที่อยู่ห่างไกลจากบ้านพักมาหลายร้อยกิโล เมื่อถึงปั๊มน้ำมันเป้าหมาย น.ส.ภูสนิสาฯ จะจอดรถยนต์อยู่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ เพื่อดูต้นทาง และรอรับสามี ในระหว่างที่สามี เข้าไปงัดตู้เซฟ ก่อนจะเชิดเงิน และขับรถหลบหนีไป

ซึ่งภายหลัง ได้มีการก่อเหตุในลักษณะเช่นเดียวกันอีก ในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และ อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ โดยการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนพร้อมกันใน 3 พื้นที่ดังกล่าว ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. จำนวนกว่า 50 นาย จนได้ข้อมูลพยานหลักฐาน ที่สอดคล้องกันจนเชื่อได้ว่า 26 เคสก่อนหน้านี้ คนร้ายที่กระทำความผิดคือกลุ่มเดียวกัน จึงได้ทำการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา และหมายค้นต่อศาลจังหวัดร้อยเอ็ด และศาลอนุญาตตามคำขอ

ต่อมาวันนี้ 5 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.ป. พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ได้นำกำลังลงพื้นที่เป้าหมายเข้าจับกุมคนร้ายในพื้นที่ จังหวัดร้อยเอ็ด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ตัดเหล็กที่ใช้ในการงัดแงะตู้เซฟ, ถุงมือที่ใช้ก่อเหตุ,หมวกกันน็อค, กล้อง CCTV ที่ลักเอามาจากที่เกิดเหตุ ,รถยนต์ ,รถจักรยายนต์ ,โทรศัพท์มือถือ และของกลางอื่นๆ รวมจำนวนหลายรายการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ดำเนินการขยายผลเพื่อพิสูจน์การกระทำความผิดทั้งหมด แล้วจะได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาทั้งสองเบื้องต้น รับว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์ปั๊มน้ำมันจริง เป็นจำนวน 10 แห่งเป็นอย่างน้อย โดยอ้างมูลเหตุจูงใจว่านำไปชำระหนี้นอกระบบ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง