พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ควบคุมสั่งการให้ชุดปฏิบัติการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในคดีพิเศษที่ 32/2564 กรณี กลุ่มบุคคลได้ร่วมกันทำธุรกรรมทางการเงินที่มีจำนวนสูงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับรายได้ อันอาจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 และอาจเป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ชุดปฏิบัติการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้ทำการจับกุม นายคมกริช ผู้ต้องหาในคดีพิเศษนี้ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 446/2565 ได้ที่บ้านพักในหมู่บ้านพฤกษา ต.บางคูวัด อ.เมืองปทุมธานี จ. ปทุมธานี ในความผิดฐานร่วมกันสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
ต่อมาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 นายทัพพสาร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 447/2565 ในคดีพิเศษเดียวกันนี้ ได้เข้ามอบตัวกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในความผิดฐานร่วมกันสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน โดยเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 08.30 น. พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขังต่อศาลอาญา และผู้ต้องหาได้ขอประกันตัวในชั้นศาล ใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวรายละ 500,000 บาท
สำหรับคดีพิเศษดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำกำลังเข้าปฏิบัติการตรวจค้นบ้านพักของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด โดยได้สนธิกำลังกับเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่สาย และสถานีตำรวจภูธรเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เข้าตรวจค้นบ้านพักของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดในคดีพิเศษที่ 32/2564 และศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายคมกริช นายทัพพสาร และนายมานะ หรือ แบ้งค์ ซึ่งปัจจุบันหลบหนีอยู่ที่ประเทศเมียนมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน