คัดลอก URL แล้ว
‘บิ๊กโจ๊ก’ เผยอดีตอธิบดีดีเอสไอให้การย้อนแย้ง เงิน 9.5 ล้านแบ่งกันหมดแล้ว

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผยอดีตอธิบดีดีเอสไอให้การย้อนแย้ง เงิน 9.5 ล้านแบ่งกันหมดแล้ว

KEY :

วันนี้ (27 มกราคม 66) ที่ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยถึงกรณีที่นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ที่เข้าให้ข้อมูลในฐานะพยานเมื่อช่วงค่ำวานนี้ โดยยอมรับว่าเป็นผู้ตั้งแต่งชุดเฉพาะกิจในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าว และให้ไปปฏิบัติงานโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่ได้สั่งการให้ไปกระทำความผิด หลังจากปฏิบัติการตรวจค้นเสร็จแล้วไม่ได้รายงานกลับมาให้ทราบถึงผลการตรวจค้น

ทั้งนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังระบุว่า คำให้การของอดีตอธิบดีดีเอสไอ ยังไม่สอดคล้องกับชุดจับกุมที่ได้สอบสวนไปแล้ว และให้การว่าได้รายงานกับนายไตรยฤทธิ์ไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะไล่ความเชื่อมโยงของคำให้การ และเปรียบเทียบกับพยานหลักฐาน โดยเชื่อว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนไม่พูดความจริง

ซึ่งวันนี้ในช่วงบ่ายก็จะเรียกนายเสกสิทธิ์ สวรรยาธิปัติ หรือ ผอ.ท็อป ซึ่งอยู่หน้าห้องทำงานของนายไตรยฤทธิ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อเทียบเคียง และไล่เวลาตามพยานหลักฐานที่ตรวจพบ ซึ่งยังมีบางประเด็นที่ให้การไม่ตรงกับนายไตรยฤทธิ์ ส่วนนายไตรยฤทธิ์ ให้การไปครบถ้วนแล้วยังไม่ออกหมายเรียกให้มาพบเพิ่มเติม ส่วนจะเข้าข่ายว่าเป็นสั่งการให้ไปปฏิบัติงานหรือไม่นั้น ขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐานก่อน

สำหรับเงิน 9.5 ล้านบาทที่ถูกรีดทรัพย์ไปนั้น เชื่อว่าได้แบ่งกันไปทั้งหมดแล้ว และหาไม่พบ และอดีตอธิบดีดีเอสไอ ก็ไม่รู้ว่ามีการรีดทรัพย์เงินในจำนวนดังกล่าว รวมทั้งการเข้าไปตรวจค้นในคอนโดมิเนียม ย่านห้วงขวางของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 คน ขณะนี้พนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง เตรียมขอศาลออกหมายจับในข้อหา บุกรุกเคหสถาน และลักทรัพย์ เนื่องจากพบภาพจากวงจรปิดว่าได้นำพระเครื่องออกจากห้องไป ซึ่งห้องนี้เป็นของครอบครัวอดีตกงสุลนาอูรูที่ในวันเกิดเหตุไม่อยู่ในห้อง

ส่วนจุดเริ่มต้นในการเข้าตรวจค้นบ้ายพักอดีตกงสุลนาอูรู เริ่มมาจากที่เจ้าหน้าที่ในสถานกงสุล ทำหนังสือแจ้งมาที่อธิบดีดีเอสไอให้จัดชุดไปตรวจสอบ ซึ่งจต้องเรียกหญิงคนนี้มาให้ข้อมูลถึงสาเหตุการให้ไปตรวจสอบ รวมทั้งการเข้าตรวจค้นที่คอนโดมิเนียม

โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เชื่อว่า หลังจากการสอบสวนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้วก็จะสามารถพิสูจน์ความจริงได้ว่าใครเป็นผู้สั่งการ และ “ สุดท้ายจะไม่มีใครยอมตายคนเดียว “


ภาพ – วิชาญ โพธิ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง