KEY :
- ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เผย กัมพูชา ประสานขอให้ทางจังหวัดสระแก้ว จัดทีมมวิศวกรจากฝั่งไทยไปช่วยตรวจสอบโครงสร้างอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
- เผย การพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต ทางการกัมพูชา จะเป็นผู้ดำเนินการพิสูจน์ทราบ รวมถึงการรับรองการเสียชีวิต เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของฝั่งกัมพูชา
- สำหรับผู้ที่ไม่มีเอกสารหลักฐานยืนยัน หากพบว่าเป็นคนไทยก็จะนำศพมาเก็บไว้ที่ฝั่งไทย เพื่อประกาศหาญาติต่อไป
นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า สิ่งที่กัมพูชา ประสานขอให้ทางจังหวัดสระแก้ว และฝั่งไทยช่วย มีอยู่เรื่องเดียว คือ ขอทีมวิศวกรจากฝั่งไทยไปช่วยตรวจสอบโครงสร้างอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ว่าแข็งแรง หรือต้องรื้อถอน ซึ่งทางฝั่งกัมพูชา จะทำหนังสือขอความร่วมมือแจ้งกลับมา จากนั้นจะส่งโยธาธิการจังหวัดสระแก้ว เข้าไปช่วยประเมิน ว่า ความมั่นคงแข็งแรง หลังจากที่ถูกไฟไหม้ตัวอาคารจะเป็นอย่างไร และจะเกิดอันตรายต่อคนในพื้นที่หรือไม่
ผู้ว่าฯ สระแก้ว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดฯ สระแก้ว เคยประชุมระดับจังหวัดชายแดนระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และทำความตกลงร่วมกัน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีข้อสรุปร่วมกัน 9 ข้อ 2 ใน 9 ข้อ คือ – ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะให้การช่วยเหลือในด้านการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ชายแดน – การอนุญาตให้ยานพาหนะประเภทรถพยาบาลหรือรถสำหรับส่งต่อผู้ป่วยของทั้งสองประเทศ จึงทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุครั้งนี้ ทำได้รวดเร็ว
ในส่วนของการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต ทางการกัมพูชา จะเป็นผู้ดำเนินการพิสูจน์ทราบ รวมถึงการรับรองการเสียชีวิต เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของฝั่งกัมพูชา และมีข้อตกลงกันระหว่าง ตม.เรื่องการส่งศพข้ามแดน แต่ทางตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทย จะเข้าไปร่วมพิสูจน์ด้วย จากนั้นก็จะแยกผู้เสียชีวิตออกมา
สำหรับผู้ที่ไม่มีเอกสารหลักฐานยืนยัน หากพบว่าเป็นคนไทยก็จะนำศพมาเก็บไว้ที่ฝั่งไทย เพื่อประกาศหาญาติต่อไป แต่หากเสียชีวิตที่ฝั่งไทย ทางอำเภอได้เตรียมการไว้ คือ ออกใบมรณะบัตรให้
