24 ธันวาคม 2565 ณ บ้านเฌอ ถนนท่าปรง หมู่ที่ 4 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พรรคไทยภักดีร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน จัดงานเสวนา “รบแตกหักคนโกงชาติ เพิ่มมาตรา 112” ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี, นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี และผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณาจารย์สถาบันทิศทางไทย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวในการเสวนา “รบแตกหักคนโกงชาติ เพิ่มอำนาจ ม.112” ที่จังหวัดสมุทรสาครว่า ในสถานการณ์ที่พรรคการเมืองหลายพรรคยุบพรรค รวมพรรคกันฝุ่นตลบ ขอย้ำว่า พรรคไทยภักดี ไม่ยุบ ไม่ย้าย ไม่จ่าย ไม่ซื้อ คำว่าไม่ยุบ ก็คือ ไม่ยุบพรรค ไม่ย้ายก็คือ ไม่ย้ายไปอยู่พรรคอื่นที่มีเงินเยอะๆ ไม่จ่าย คือ ไม่ซื้อตัว ส.ส. และสุดท้ายคือ ไม่ซื้อเสียง เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของวงจรที่จะนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน และจะไม่สามารถผลักดันนโยบายที่ก่อประโยชน์ให้ประชาชนได้ โดยเฉพาะนโยบายนวัตกรรมพลังงานสะอาด ที่สามารถปลดหนี้เกษตรกร และให้ประเทศมีพลังงานราคาถูกใช้
หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวว่า ตัวเลขการซื้อเสียงคนหนึ่งไม่น้อยกว่า 30-80 ล้านบาท ซึ่งเอามาจากนายทุนใหญ่ๆทั้งสิ้นสุดท้ายก็กลายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนแล้วสู่ไปการทุจริตคอร์รัปชัน ลองให้โอกาสแจ็คที่จะมาฆ่ายักษ์ ซึ่งแจ๊ค ชื่อว่าไทยภักดี
หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวว่า ถ้าพรรคไทยภักดีมีอำนาจจะไปรื้อวิชาประวัติศาสตร์ จะให้เรียนถึงการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตกว่ามาเอาเปรียบประเทศไทยแบบไหนบ้าง และวันนี้เกิดการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยอ้างคำว่า สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย แล้วให้เกิดการปั่นป่วนสุดท้ายก็สร้างรัฐบาลหุ่นเชิดขึ้นมาปกครอง หลายๆประเทศที่เคยอยู่ดีมีสุขยังเกิดสงครามทางการเมือง ดังนั้นการต่อสู้กับเรื่อง ม.112 ถือเป็นเรื่องใหญ่ของชาติ ซึ่งพรรคไทยภักดีเปิดแคมเปญร่วมลงรายชื่อเสนอเพิ่มความคุ้มครองมาตรา 112 และวันนี้สมุทรสาครจะเป็นที่แรกที่จะให้มีการร่วมลงชื่อผ่านระบบออนไลน์
ด้าน ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า กล่าวว่า การเสนอเพิ่มการคุ้มครอง ม.112 เพื่อตัดปัญหาไม่ให้เกิดการใช้วิจารณญาณของศาล สถาบันสำคัญต่อการดำรงอยู่ประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องปกป้องสถาบันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50