วันนี้ (23 ธ.ค. 2565) กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การ อํานวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตํารวจ (สบ.8)/ปฏิบัติราชการ บช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. และ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.1 บก.ป. ทําการสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ สน.พหลโยธิน และเจ้าหน้าที่ ตํารวจศาล กรณีที่นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยคดีฉ้อโกงประชาชนจากการหลอกลงทุนธุรกิจต่างๆ และถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามดำเนินคดีฐานฉ้อโกงไปแล้ว 6 คดี และคดีเกี่ยวกับการฟอกเงินอีก 5 คดี ได้มีความพยายามหลบหนีระหว่างไปขึ้นศาลอาญาเมื่อวานนี้
โดยพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า จากการสอบสวนหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด คือนายสมประสงค์ อายุ 56 ปี เป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ จำนวนกว่า 10 ล้านบาท ที่ยังเชื่อว่าหากไม่แจ้งความ และยังคอยช่วยเหลือเรื่องคดีให้นายประสิทธิ์ จะได้รับเงินดังกล่าวคืน และยังมีกลุ่มอดีตพนักงาน กลุ่มเลขานายประสิทธิ์ กลุ่มผู้ช่วยทนายความให้การช่วยเหลือในวางแผนหลบหนีครั้งนี้ โดยเชื่อว่ามีนัดแนะวางแผนหลบหนี ระหว่างที่บุคคลเหล่านี้ไปเยี่ยมนายประสิทธิ์ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ
โดยตัวนายสมประสงค์ ทำหน้าที่ในการเตรียมอุปกรณ์ เบิกเงินถอนเงิน เป็นคนที่นำเสื้อผ้าและกุญแจไปให้นายประสิทธิ์ และหลังถูกจับ เจ้าหน้าที่ก็เจอชุดนักโทษของนายประสิทธิ์ รวมถือโซ่ตรวจและกุญแจสำหรับไขอยู่ที่นายสมประสงค์ด้วย เบื้องต้นตำรวจ สน.พหลโยธินได้แจ้งข้อหานายสมประสงค์ ฐานช่วยให้ผู้ที่ถูกคุมขังตามอำนาจศาลหลบหนี ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมีโทษหนักกว่านายประสิทธิ์ ส่วนบุคคลที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนขยายผล โดยขณะนี้สำนวนคดีอยู่ที่สน.พหลโยธิน และอยู่ระหว่างประสานขอโอนคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม
ส่วนการช่วยเหลือให้นายประสิทธิ์หลบหนี จะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลกุญแจที่นำมาไข มาจากไหน เพราะไม่ใช่กุญแจที่หาได้ทั่วไป แต่ในเบื้องต้นพบว่ากุญแจดอกจริงของกรมราชทัณฑ์ยังอยู่ครบทั้ง 2 ดอก ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ
นอกจากนี้ทางการข่าวของเจ้าหน้าที่ยังพบว่ามูลว่า ทีมงานของนายประสิทธิ์ ได้จ้างเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งทำบัตรประชาชนปลอมให้กับนายประสิทธิ์ แต่กลับถูกเพจดังกล่าวโกงหลอกเอาเงิน และไม่ส่งบัตรประชาชนปลอมให้ ทำให้ทีมงานยังไม่ได้บัตรประชาชนปลอมดังกล่าวมาให้นายประสิทธิ์
ส่วนที่การตรวจค้นล็อกเกอร์ย่านสามย่านเมื่อคืนนี้ เป็นสถานที่ที่นายประสิทธิ์ให้ลูกน้องนำของไปเก็บไว้ที่ล็อกเกอร์ กรณีที่หนีไปได้ก็จะไปเอาของในล็อกเกอร์ดังกล่าว เพื่อใช้ในการดำรงชีพหลังการหลบหนี แต่สุดท้ายทีมงานได้เอาของออกจากล็อกเกอร์ไปเก็บไว้ในรถแล้ว ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้า สบู่ ยาสระผม รองเท้า วิกผม ฯลฯ รวม 53 รายการ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นการวางแผนให้นายประสิทธิ์หลบหนีเพื่อให้นายประสิทธิ์ไปหาเงินมาคืนผู้เสียหาย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดที่ยังหวังว่าจะได้เงินคืน แต่อย่างไรก็ตามการช่วยนักโทษหลบหนี ก็ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดี
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีนายประสิทธิ์ กองบังคับการปราบปรามได้ดำเนินคดีฉ้อโกงกับนายประสิทธิ์ 6 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้วทั้ง 6 คดี และอัยการสั่งฟ้องแล้ว 2 คดี ส่วน 5 คดีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ส่งมาให้กองบังคับการปราบปรามอีก 5 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 4 คดี คาดว่าเดือนหน้าอีก 1 คดีที่เหลือจะแล้วเสร็จ ส่วนการอายัดทรัพย์สินนายประสิทธิ์ัเครือข่าย ได้ส่งข้อมูลให้ ปปง. ยึดทรัพย์ 3 คำสั่ง รวม 265 บ้านบาท และล่าสุดกองบังคับการปราบปรามยังได้ส่งข้อมูลทรัพย์สินของผู้ถือหุ้น จำนวนรวม 261 ล้านบาท ให้ ปปง. แล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการยึดอายัดทรัพย์