คัดลอก URL แล้ว
นายกฯ ตรวจเยี่ยมกำลังพล พร้อมร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ – พิธีสวดอภิธรรม ข้าราชการ ร.ล.สุโขทัย 6 นาย

นายกฯ ตรวจเยี่ยมกำลังพล พร้อมร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ – พิธีสวดอภิธรรม ข้าราชการ ร.ล.สุโขทัย 6 นาย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (22 ธ.ค. 65) เวลา 16.45 น. ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย (ร.ล.สุโขทัย) ที่เข้ารับการรักษาตัว จำนวน 18 นาย โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยสอบถามอาการ และกล่าวให้กำลังใจกับกำลังพลทุกนาย ให้มีสุขภาพกายใจที่เข้มแข็ง ให้แข็งแรงเป็นปกติโดยเร็ว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพล ร.ล.สุโขทัย ณ สโมสรสัญญาบัตร กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยนายกรัฐมนตรีรับฟังการบรรยายสรุปจากพลเรือโท สมบัติ นาราวิโรจน์ เสนาธิการกองเรือยุทธการ ซึ่งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพล ร.ล.สุโขทัย มีบทบาทหน้าที่

  1. ติดตาม รวบรวมข้อมูลกำลังพล ที่ช่วยเหลือ/ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล/ที่เสียชีวิต/ที่ค้นหา
  2. การอำนวยความสะดวกช่วยเหลือและเยียวยากำลังพล และญาติ
  3. นายทหารประสานงานในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยการดำเนินการของศูนย์ที่ผ่านมา

1) อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือและเยียวยากำลังพล
(1) ที่ช่วยเหลือปลอดภัย: ในการทำบัตรประชาชน ซิมโทรศัพท์ ธนาคาร มอบเงินบำรุงขวัญ จัดหาเครื่องแบบอุปกรณ์ประกอบเครื่องแบบ : ให้การปรึกษาแพทย์จิตวิทยา แนะนำการปฏิบัติตน (2) ที่บาดเจ็บ: ประสานในการรักษา มอบเงินบำรุงขวัญ
(3) ที่เสียชีวิต: ตรวจสอบประกันภัย สหกรณ์ อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนศพและพิธีการศพ

2) อำนวยความสะดวกญาติ
(1) ที่กำลังพลเสียชีวิต: โดยปรึกษาแพทย์จิตวิทยา แนะนำการปฏิบัติตน อำนวยความสะดวกและสอบถามความต้องการในการจัดการศพ : ตรวจสอบญาติโดยสืบสันดาน : ที่จัดตั้งศพ ที่พักของญาติในระหว่างพิธีศพ
(2) ที่กำลังพลสูญหาย: โดยปรึกษาแพทย์จิตวิทยา แนะนำการปฏิบัติตน อำนวยความสะดวกในการปรึกษาแพทย์จิตวิทยา ขณะนี้มีสถิติการรับโทรศัพท์ให้ข้อมูลกับญาติ จำนวน 220 สาย และให้คำปรึกษาทางด้านจิตเวช ของญาติ จำนวน 14 ราย กำลังพล 3 ราย

นอกจากนี้ ศูนย์ประสานงานฯ ยังทำหน้าที่ในการรับผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ และการรับศพในพระบรมราชานุเคราะห์ ประสานเรื่องน้ำหลวงอาบศพ กับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ประสานการพระราชทานเพลิงศพ กับกลุ่มอำนวยการพิธีการสงฆ์เขต โดยจะดำเนินงานด้านพิธีการศพให้กับครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิตตลอดทุกขั้นตอนจนถึงพิธีลอยอังคาร และศูนย์ประสานงานฯ ได้รับการสนับสนุนด้านอาหารจากครัวพระราชทาน จิตอาสา สำหรับเบอร์ติดต่อศูนย์ประสานงานฯ โทร. 084-002-3554 และ 038-182-435

ด้านภาพรวมกำลังพล ร.ล.สุโขทัย 105 นาย (สถานะ เวลา 13.00 น. 22 ธ.ค. 65) ได้รับการช่วยเหลือกลับบ้าน 55 นาย บาดเจ็บ (Admit) 19 นาย (รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 18 นาย รพ.บางสะพาน 1 นาย) เสียชีวิต 6 นาย อยู่ระหว่างการค้นหา 23 นาย จำแนกได้ดังนี้

  1. ร.ล.สุโขทัย 75 นาย ได้รับการช่วยเหลือกลับบ้าน 41 นาย บาดเจ็บ (Admit) 14 นาย เสียชีวิต 4 นาย อยู่ระหว่างการค้นหา 14 นาย
  2. หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) 15 นาย ได้รับการช่วยเหลือกลับบ้าน 4 นาย บาดเจ็บ (Admit) 4 นาย เสียชีวิต 1 นาย อยู่ระหว่างการค้นหา 6 นาย
  3. หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) 15 นาย ได้รับการช่วยเหลือกลับบ้าน 10 นาย บาดเจ็บ (Admit) 1 นาย เสียชีวิต 1 นาย อยู่ระหว่างการค้นหา 3 นาย

จากนั้น เวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรีร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพข้าราชการ ร.ล. สุโขทัย จำนวน 6 นาย พิธีวางพวงมาลาพระราชทาน และพิธีสวดอภิธรรม ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือ สัตหีบ โดยมีคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ รวมถึงกำลังพลของกองทัพเรือ จากหน่วยงานต่าง ๆ ของกองทัพเรือ และส่วนราชการในพื้นที่สัตหีบร่วมไว้อาลัย โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นาย คือ ว่าที่เรือเอก สามารถ แก้วผลึก , พันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ , จ่าเอก จักรพงค์ พูนผล , พลทหาร อัครเดช โพธิ์บัติ สังกัด กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ (กร.) พันจ่าเอก อำนาจ พิมที สังกัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) และ พันจ่าเอก สมเกียรติ หมายชอบ สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นาย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยตั้งบำเพ็ญกุศลฯ กิจการฌาปนสถานกองทัพเรือ สัตหีบ

ในส่วนของสิทธิกำลังพลผู้เสียชีวิตนั้น กรณีนี้กองทัพเรือถือว่ากําลังพลดังกล่าวเป็นผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะพิจารณาบําเหน็จด้านสิทธิกําลังพลสูงสุดให้แก่กําลังพลดังกล่าว โดยจะพิจารณาเลื่อนชั้นเงินเดือน 3 – 5 ชั้น กับขอพระราชทานเลื่อนยศ 2 – 4 ชั้นยศ รวมทั้งเงินช่วยเหลืออื่น ๆ ตามสิทธิที่สมควรจะได้รับ โดยแยกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

ชั้นยศ นาวาตรี จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พลเรือโท กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 160,0000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 1,200,000 บาท

ชั้นยศ เรือเอก จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พลเรือตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 160,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 2 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผู้ที่มีอายุราชการและฐานเงินเดือนสูงชั้นยศ พันจ่าเอก จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น นาวาตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 135,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท

ชั้นยศ จ่าตรี – จ่าเอก จะขอเลื่อนยศและขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พันจ่าโท – เรือตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 135,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 900,000 บาท

ในส่วนของทหารกองประจําการจะขอเลื่อนยศเป็น พันจ่าตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 100,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 600,000 บาท โดยกองทัพเรือ จะเร่งรัดการดําเนินการให้กําลังพลและครอบครัวได้รับสิทธิกําลังพลเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้แก่กําลังพลและครอบครัวต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง