อย่าหลอกกูรู – ว่ากันว่าปฏิบัติการปราบปราม “ทุนจีนสีเทา” อาจขยายผลไปไม่สุด หากไม่มี ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ที่ออกมาลุยแฉ และมอบข้อมูลเบื้องลึก เบื้องหลังให้กับตำรวจ ล่าสุดเผือกร้อนได้ถูกโยนไปถึง “ตรวจคนเข้าเมือง” (ตม.) หลังจากก่อนหน้านี้ มีการตั้งคำถามว่านายทุนจีนเหล่านี้ เข้ามาทำผิดกฎหมายในประเทศไทย เป็นเวลานานๆ ได้อย่างไร วันนี้ชูวิทย์ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล ที่เรียกว่า “ปฏิบัติการล้มกระดาน ตม.”
.
ชูวิทย์ เผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ขบวนการ “จีนเทา” ขยายเวลาอยู่ต่อในประเทศ ด้วยวิธีพิสดารล้ำเหลือ วีซ่าท่องเที่ยวอยู่ได้ 30 วัน แต่หากอยากอยู่ต่อ ก็แปลงประเภทวีซ่าเป็น นักธุรกิจ เรียนภาษา ใจบุญสุนทานเป็นอาสาสมัคร แค่ซื้ออาหารกระป๋อง เครื่องเขียน ทำท่าไปแจกของและถ่ายรูป ผ่านมูลนิธิชื่อย่อ “ป” ตั้งสาขากระจายทั่วภาค 4 ของ ตม. หรือภาคอีสานนั่นเอง
.
▪️ ‘ชูวิทย์’ เผยภาพมูลนิธิแปลงวีซ่าสุดทรุดโทรม ชี้ ตม. ต้นทางเอาคนเลวมีเงินเข้ามาในไทย
.
ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เฉพาะปี 63-64 ระยะเวลา 2 ปี มีอาสาสมัครจีน ร่วม 7,000 คน ได้วีซ่าประเภท Non-O หรือ Working for NGO ทำงานเป็นอาสาสมัครในมูลนิธิ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร แต่ภาพสถานที่ตั้งมูลนิธิกลับมีสภาพทรุดโทรม ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่จังหวัดขอนแก่น “แค่ 10 คน ก็เต็มไม่เหลือพื้นที่แล้ว แต่นี่รับไปร่วม 7,000 คนได้อย่างไร?” ชูวิทย์ ตั้งคำถาม
.
“หากคนหนึ่งจ่าย 100,000 บาท 7,000 คน ก็ 700 ล้าน เจ้าประคุณเอ๋ยช่างหากินอะไรได้ง่ายอย่างนี้ ความหิวเงินมันทำได้ทุกอย่าง ตัวไม่ต้องมาปรากฎให้เห็นแต่ปั๊มวีซ่ามือเป็นระวิง ตม. คือแหล่งผลประโยชน์ ที่ทำให้จีนเทาทำธุรกิจนอกกฎหมายเข้ามา จริงอยู่มีคนดีด้วย แต่วิธีการที่ผิดเช่นนี้เราแยกแยะไม่ได้ วันนี้หากไม่จัดการล้มกระดาน ตม. ที่นำเอาคนเลวมีเงิน แทนที่จะเอาคนดีมีเงินเข้าประเทศ จะสร้างความฉิบหายให้ประเทศไทย ด้วยน้ำมือของคนไทยด้วยกันเอง” ชูวิทย์ ระบุ
.
▪️ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เผยเรียกสอบหัวหน้า ตม. ยัน 3 นายพลถูกพาดพิง หากผิดจริงก็ไม่เว้นแม้เป็นเพื่อนร่วมรุ่น
.
หลังการออกมาเผยข้อมูลดังกล่าว ล่าสุด ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่ากรณีพบว่ามีคนกลางเป็นข้าราชการตำรวจ เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการแปลงวีซ่า ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกหัวหน้าสถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 27 แห่ง นำเอกสารมาให้และสอบปากคำแล้ว ส่วน 3 นายพลที่ถูกพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ยืนยันว่าจะดำเนินการตามขั้นตอน แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 ก็ตาม
.
“ขณะนี้หัวหน้าสถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบางนาย ยังไม่นำเอกสารมาให้ จึงสั่งให้นำเอกสารมาให้ พร้อมสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้ ยืนยันหากพบว่าผิดก็จะดำเนินการถึงที่สุด แต่ทราบว่าบางนายเกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็จะออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน เหมือนหัวหน้า ตม. ทุกนายที่เรียกมาก่อนหน้านี้” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
.
