เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยถึงผลสำรวจเรื่อง ผู้นำทางการเมือง กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,633 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1 – 3 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดยผลสำรวจพบว่า ผู้นำทางการเมืองแต่ละฝ่ายได้แก่ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และกลุ่มเกิดใหม่ ด้านต่าง ๆ ได้แก่ด้านรักชาติบ้านเมือง เป็นคนดี เบอร์ 1 ของแต่ละฝ่ายได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฝ่ายรัฐบาล ร้อยละ 80.0 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้อันดับ 1 ในกลุ่มฝ่ายค้าน ร้อยละ 70.7 และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กลุ่มเกิดใหม่ ร้อยละ 70.6
ส่วนเบอร์ 1 ด้าน คนพูดจริง ทำตามที่พูด กล้าเปลี่ยนแปลง ช่วยชาวบ้าน พบว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้อันดับ 1 ในกลุ่มฝ่ายรัฐบาล ร้อยละ 86.8 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้อันดับ 1 ในกลุ่มเกิดใหม่ ร้อยละ 54.8 และ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้อันดับ 1 ในกลุ่มฝ่ายค้าน ได้ร้อยละ 49.6 สำหรับเบอร์ 1 ด้าน ช่วยเกษตรกร เรื่องรายได้ พืชเศรษฐกิจ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์ม เป็นต้น พบว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้อันดับ 1 ฝ่ายรัฐบาล ร้อยละ 84.9 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้อันดับ 1 ในกลุ่มเกิดใหม่ ร้อยละ 60.6 และ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้อันดับ 1 ในกลุ่มฝ่ายค้าน ร้อยละ 48.2
ขณะที่เบอร์ 1 ด้าน การค้าขายระหว่างประเทศ เศรษฐกิจสากล พบว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้อันดับ 1 ในกลุ่มฝ่ายค้าน ร้อยละ 72.5 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้อันดับ 1 ในกลุ่มเกิดใหม่ ร้อยละ 71.4 และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้อันดับ 1 ในกลุ่มฝ่ายค้าน ร้อยละ 50.6 นอกจากนี้ เบอร์ 1 ด้านการเมือง ไม่มีเรื่องขัดแย้งภายในพรรค พบว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้อันดับ 1 ในฝ่ายรัฐบาล ร้อยละ 78.2 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้อันดับ 1 ในกลุ่มฝ่ายค้าน ร้อยละ 59.8 และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้อันดับ 1 ในกลุ่มเกิดใหม่ ร้อยละ 55.2
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชี้ให้เห็นว่า ผู้นำทางการเมืองในหัวใจประชาชนมีด้วยกันหลากหลายแต่ละคนมีฐานสนับสนุนของตนเอง มีจุดแข็งจุดขายแตกต่างกันไปที่ถูกต้องตรงใจประชาชนอยู่ที่นักการเมืองแต่ละคนจะสามารถเชื่อมโยงจุดแข็งของแต่ละคนแต่ละกลุ่มเข้าหากันได้มากน้อยเพียงไรเพื่อช่วยกันเป็นตัวแทนของประชาชนและกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ทำให้ถึงเป้าหมายสำคัญที่เคยสำรวจพบก่อนหน้านี้คือ ความสงบสุขปกป้องสถาบันเสาหลักของชาติ ผลประโยชน์ชาติและของประชาชน ไม่เกิดความสูญเสียขึ้นในหมู่ประชาชนและช่วยลดทอนความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างทั่วถึง ขึ้นอยู่กับพลังทางสังคมและพัฒนาการของผู้นำทางการเมือง.