คัดลอก URL แล้ว
ทนายสมเกียรติ ร้อง ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน “ลุงพล”  ฐานฟอกเงิน ปมสร้างพญานาค

ทนายสมเกียรติ ร้อง ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน “ลุงพล”  ฐานฟอกเงิน ปมสร้างพญานาค

KEY :

ทนายสมเกียรติ โรจนวรกมล พร้อมคณะฝ่ายกฎหมาย เข้ายื่นหนังสือข้อร้องเรียนถึง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.  ให้ดำเนินการตรวจสอบ นายไชยพล วิภา หรือ ลุงพล มูลฐานความผิดการฟอกเงิน ที่ได้จากการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อสร้างรูปปั้นพญานาค

จากกรณีที่ นายไชยพล วิภา หรือลุงพล ถูกศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษาจำคุก 2 ปี 3 เดือน ปรับ 45,000 บาท คดีบุกรุกป่าสร้างวังพญานาค โดยโทษจำให้รอลงอาญา 2 ปี แล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ นายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายความ ในฐานะที่ปรึกษากฏหมายของผู้ร้องตรวจสอบ เข้ายื่นหนังสือข้อร้องเรียนถึง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ นายไชยพล มูลฐานความผิดการฟอกเงิน ที่ได้จากการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อสร้างรูปปั้นพญานาค โดยมีร้อยตำรวจเอก ไพรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรม รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นผู้รับหนังสือ

นายสมเกียรติ เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่ร่วมบริจาคเงินให้แก่นายไชยพล ที่ร่วมกันลงชื่อกันเพื่อให้ตนมายื่นร้องต่อ ปปง. เพื่อขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของการได้มาซึ่งเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่นายไชย์พล วิภา ได้เปิดบัญชีรับบริจาคเงินจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา เพื่อสร้างพญานาคที่บ้านกกกอก หมู่ที่ 2 ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งนายไชย์พล ได้ทำการเปิดบัญชีรับบริจาคเงินจากประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับเงินบริจาคประมาณ 1 ล้าน 3 แสนบาท ต่อมานายไชยพล ได้แจ้งแก่สื่อมวลชนว่าในบัญชีเงินฝากที่เปิดรับบริจาคมานั้น มีเงินคงเหลือจากการสร้างรูปปูนปั้นพญานาคอยู่ประมาณ 8 แสนบาท

แต่ปัจจุบันเงินจำนวนดังกล่าวไม่ทราบว่าได้หายไปจากบัญชีเงินฝากตั้งแต่เมื่อไหร่ และใครเป็นผู้เบิกเงินจำนวนดังกล่าวไป แต่ได้มีข้อมูลว่านายไชยพล ได้นำเงินไปซื้อที่ดินจำนวน 8-9 ไร่ ในจังหวัดสกลนคร โดยใช้ชื่อส่วนตัวเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน จึงสงสัยว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเทเงินไปใช้ในประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่

ทนายสมเกียรติ กล่าวว่า การเปิดรับบริจาคสร้างรูปปูนปั้นพญานาคของนายไชยพล จุดประสงค์เพื่อสาธารณกุศล แต่กลับไม่มีการชี้แจงและไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเงิน โดยยืนยันว่าตนมีหลักฐานเกี่ยวกับการเงินของนายไชยพลว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีจริง และตนได้ส่งข้อมูลให้กับ ปปง.ตรวจสอบแล้ว ซึ่งปัจจุบันบัญชีที่เปิดรับบริจาคได้ปิดไปแล้ว แต่ตามหลักฐานมีการโยกย้ายเงินจากบัญชีที่เปิดรับบริจาคไปยังบัญชีคนใกล้ชิดและเครือญาติที่เป็นนอมินีประมาณ 2-3 บัญชี ซึ่งต้องการให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด หากตรวจสอบพบว่าเอาเงินไปใช้ส่วนตัวจริง ไม่ได้ตรงตามวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะ ก็อาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินและฉ้อโกง

ทนายสมเกียรติ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ตนมาทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองและที่ปรึกษากฎหมายของชาวบ้าน ซึ่งเห็นความไม่ชอบมาพากล จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาตรวจสอบ และยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับนายไชยพลแล้ว เพราะการทำหน้าที่ทนายความของตนเองจบสิ้นแล้ว ส่วนความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ได้จบแล้วเช่นกัน และจบไม่ค่อยดี เนื่องจากนายไชยพลเคยมีการกล่าวตำหนิติเตียนตน ว่าตนทำคดีแพ้ ซึ่งตนถือว่าได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใดๆ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง