KEY :
- แมนฯ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์ ค้นหาทางเลือกใหม่ให้สโมสร รวมถึงการขายสโมสรด้วย ระบุ เพื่อแสวงหาความสำเร็จในอนาคต
- แถลงการณ์นี้ เกิดขึ้นภายหลังจากการประกาศแยกทางกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพียงไม่กี่ชั่วโมง
…
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลาย ๆ เรื่องตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ล่าสุดทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับอนาคตของบริษัท โดยระบุว่า
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะมีการเปิดทางในการค้นหาทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อยกระดับของสโมรสรทั้งในสนามและในเชิงธุรกิจ โดยจะมีคณะกรรมการจะเปิดพิจารณาทางเลือกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใหม่ ๆ การขายกิจการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับสโมสร ทั้งในการพัฒนาสนามแข่งขัน โครงสร้างพื้นฐาน การขยายธุรกิจของสโมสร
โดยในแถลงการณ์ในครั้งนี้ ประธานร่วมและผู้อํานวยการบริหาร Avram Glazer และ Joel Glazer ระบุว่า ความแข็งแกร่งของแมนฯ ยูไนเต็ดนั้น เกิดขึ้นจากแฟนบอลและผู้ติดตามทั่วโลกกว่า 1.1 พันล้านคน ที่แสวงหาและต้องการที่จะประสบความสำเร็จ บอร์ดบริหารทั้งหมดจึงได้ตัดสินใจเปิดรับทางเลือกใหม่ ๆ โดยจะมีการพิจารณาตัวเลือกทั้งหมด และสร้างความมั่นใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะสร้างความสำเร็จสูงสุดของสโมสร ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ
จบกันด้วยดี
ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทางสโมสรได้แถลงการประกาศแยกทางกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ โรนัลโด้ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่า ค่อนข้างเป็นประเด็นที่หนักหนาทีเดียวสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น
โดยในแถลงการแยกทางกันนั้น ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ข้อตกลงในการยกเลิกสัญญากัน
ภายหลังจากมีแถลงการณ์ของทางสโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด ทางด้านของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ได้กล่าวถึงประเด็นการแยกทางที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า เป็นความเห็นชอบทั้งสองฝ่าย ซึ่งยังคงรักในสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด และแฟน ๆ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แต่ตนเองก็ยังคงต้องการแสวงหาความท้าทายใหม่ ๆ และโรนัลโด้ ยังได้อวยพรให้ทีมประสบความสำเร็จในการแข่งขันที่เหลืออยู่ และในอนาคตอีกด้วย
หุ้นพุ่งรับข่าวดี
ภายหลังจากที่มีแถลงการณ์ถึงการเปิดทางเลือกใหม่ ๆ ในการค้นหาความสำเร็จของสโมสร รวมถึงการขายสโมสรให้กับนักลงทุนราย ๆ ใหม่ ๆ รวมถึงการประกาศยกเลิกสัญญากับโรนัลโด้ แบบจากกันด้วยดี
ส่งผลให้ราคาหุ้นของสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ดพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับเกือบ 15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น แล้ว หรือคิดเป็นเกือบ 15%
ทางด้านของนักลงทุนประเมินว่า ตระกูลเกลเซอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของทีมแมนฯ ยูไนเต็ตในขณะนี้ น่าจะตั้งราคาไว้ที่ราว 5 พันล้านปอนด์ หรือ ราว 2.2 แสนล้านบาท โดยตระกูลเกลเซอร์ได้เริ่มทยอยซื้อหุ้นของทีมแมนฯ ยูไนเต็ดไว้ตั้งแต่ช่วงราวปี 2003 ก่อนที่ในปี 2005 จะเจรจาขอซื้อหุ้นจาก 2 มหาเศรษฐี ในช่วงที่ทั้งสองมีปัญหากับเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน
ภายหลังการซื้อหุ้นในครั้งนั้นทำให้ ตระกูลเกลเซอร์มีหุ้นของสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ดอยู่ในมือเกินกว่า 50% จึงได้ยื่นเรื่องขอซื้อกิจการของสโมสรด้วยเงินกู้ หรือ Leveraged Buyout ก่อนที่จะมีการโอนหนี้สินมูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านมาเป็นของสโมสร
ซึ่งนั่นทำให้แฟนบอลจำนวนมากไม่ค่อยพอใจกับแนวทางดังกล่าว เนื่องจากเป็นการสร้างหนี้ให้กับทางสโมสร และส่งผลกระทบให้การพัฒนา และลงทุนต่าง ๆ ลดลง โดยในช่วงแรกทีมยังคงทำผลงานได้ดี กระแสความไม่พอใจจึงมีไม่มากนัก
แต่ภายหลังจากที่ทางด้านของเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ได้ประกาศวางมือ ผลงานของทีมก็เริ่มแย่ลง ทำให้แฟนบอลเริ่มไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมองว่า ปัญหาหนี้สินของสโมสรที่เกิดขึ้น กำลังทำให้สโมสรตกต่ำลงอย่างมาก ขาดการพัฒนาทางในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงการหาซื้อนักเตะใหม่ ๆ มาเสริมทีมอีกด้วย
ที่มา – https://www.manutd.com/en/news/detail/man-utd-announces-process-to-explore-strategic-alternatives-to-enhance-club-growth
