KEY :
- รองโฆษกรัฐบาล เผย แผนพลังงานแห่งชาติที่กำหนดกรอบให้ไทยมียานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าให้ ปี 2030 ต้องมีการใช้รถอีวีเพิ่มมากกว่า 50%
- ข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก พบว่า ในปี 2565 ไทยมีปริมาณการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสม รวมทั้งสิ้น 20,087 คัน
- ย้ำการผลักดันใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจะช่วยให้ไทยสามารถลดการใช้พลังงานน้ำมัน และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการเกิดฝุ่น pm 2.5 ด้วย
วันที่ 28 ตุลาคม 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากแผนพลังงานแห่งชาติที่กำหนดกรอบให้ไทยมียานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าให้ ปี 2030 ต้องมีการใช้รถอีวีเพิ่มมากกว่า 50% เพื่อให้ปี 2040 สามารถทดแทนยานยนต์ที่ใช้น้ำมันได้ 100% ในกลุ่มรถใหม่
ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถลดการใช้พลังงานน้ำมัน และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการเกิดฝุ่น pm 2.5 ด้วย โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถอีวีอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนรถยนต์ และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8 % เป็น 2 % และรถกระบะเป็น 0 % ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40 % สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566 และยกเว้นอากรขาเข้าส่วนประกอบรถยนต์อีวี จำนวน 9 รายการ เพื่อนำมาผลิตหรือประกอบอีวีในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ ส่งผลให้แนวโน้มการใช้รถอีวีของไทยเพิ่มสูงขึ้น
“ทั้งนี้จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก พบว่า ในปี 2565 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีปริมาณการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสม รวมทั้งสิ้น 20,087 คัน ได้แก่ 1. รถยนต์ไฟฟ้า 7,747 คัน 2. รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 11,637 คัน 3. รถสามล้อไฟฟ้า 398 คัน 4. รถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า 305 คัน เปรียบเทียบกับข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีปริมาณการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสมเพียง 11,382 คัน โดยเป็น 1.รถยนต์ไฟฟ้า 4,132 คัน 2.รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 6,749 คัน 3.รถสามล้อไฟฟ้า 263 คัน และ4.รถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า 238 คัน จะเห็นได้ว่า มีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เชื่อว่าก่อนถึงสิ้นปีจะมียอดใช้รถอีวีเพิ่มขึ้น”
น.ส. ทิพานัน กล่าว
จากจำนวนยอดที่เติบโตและความพร้อมที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้วางไว้ ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและการใช้งานรถอีวี รวมถึงมีมาตรการรัฐที่ผลักดันอุตสาหกรรมรถอีวี สนับสนุนการผลิตรถยนต์อีวีในไทยเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุน เช่น GWM, Toyota, MG, Green filter, EA (Mine mobility), Deco, H Sem, BYD ที่ได้ลงนามกับกรมสรรพสามิตแล้วเพื่อสมัครเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของไทย และยังมีผู้ผลิตที่สนใจอีกกว่า 5 รายใหญ่
ซึ่งตรงนี้จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นฐานผลิตรถอีวีใหญ่ในภูมิภาคได้แน่นอน ซึ่งส่งผลดีกับพี่น้องประชาชนโดยรวม ทำให้เกิดการจ้างงานครั้งใหญ่ มีเม็ดเงินมหาศาลถึงมือประชาชนและต่อยอดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมั่นคง