ต้นช้าม่วงหรือชะมวงขนาดใหญ่อายุกว่าร้อยปี ด้านนอกมีโพรงข้างในเป็นเป็นโพรงขนาดใหญ่คนเข้าไปได้ประมาณ 7 คนและมีค้างคาวอาศัยอยู่เช่น ค้างคาวแวมไพร์แปลงเล็ก ซึ่งต้นนี้ถูกระบุว่า เกิดโรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis) ของคณะกลุ่มศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช จากการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราฮิสโตพลาสมาแคปซูลาตุม ที่ลอยขึ้นมาในอากาศจากมูลค้างคาว ที่ตกลงบนพื้นดินเข้าไปในปอด
ต้นนี้อยู่ในพื้นที่ หมู่5 บ้านวังหีบ ตำบลนาหลวงเสน อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง เจ้าหน้าที่ได้เข้ากันพื้นที่รัศมี 10 เมตรจากโพรงเป็นเขตหวงห้ามป้องกันคนเข้าใกล้ต้นไม้ หรือเข้าในโพรงต้นไม้ที่มีค้างคาวอาศัยอยู่และเตรียมกำหนดเป็นพื้นที่พิเศษในการให้ความรู้ และป้องกันไม่ให้ค้างคาวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือเคลื่อนย้ายถิ่น
ด้านแพทย์ บอกว่า โรคนี้ไม่น่ากลัวเพราะไม่สามารถติดต่อคนสู่คนได้ เชื้อนี้จะอยู่ในมูลของค้างคาว หรือนกหรือสัตว์ปีก การรับเชื้อ เกิดจ่กการสูดเข้าปอด เชื้อติดตามผิวหนังที่เป็นแผลจะทำให้หายยากกว่าปกติ เป็นแผล 2 -3 วันจะหายแต่หากติดเชื้อ ต้องใช้เวลานานกว่า 2 เดือน
นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่าสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ พร้อมเจ้าหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งมูลค้างคาว และดินภายในโพรงต้นไม้และสวอปผนังโพรงต้นไม้ดังกล่าว เพื่อตรวจหาเชื้อโรค ทางห้องปฏิบัติการและวางแผนที่จะทำการสำรวจ และเฝ้าระวังโรคเชิงรุกในพื้นที่ พร้อมเเนะนำชาวบ้านว่าหากเคยเข้าไปในโพรงต้นไม้ต้นนี้ โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยควรไปพบแพทย์เพื่อเอ็กซเรย์ปอดและแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยว่ามีประวัติเข้าไปในต้นนี้
ด้านนายยงยุทธ มณีฉาย ชาวบ้านในพื้นที่และเป็นผู้นำทางคณะศึกษาธรรมชาติในวันดังกล่าว ระบุว่า ตกใจเมื่อทราบว่ามีคนติดเชื้อรา ส่วนตนเองไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลทุ่งสงแล้ว ไม่พบว่าปอดมีการติดเชื้อ
ขณะที่เฟซบุ๊กของ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุถึงโรคฮิสโตพลาสโมซิส พร้อมระบุว่า ผู้ป่วยหญิงอายุ 45 ปี ปกติแข็งแรงดีไม่มีโรคประจำตัว เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ไปเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินเข้าโพรงต้นไม้ใหญ่อยู่ห่างคลองวังหีบ ประมาณ 200 เมตร เพื่อไปดูค้างคาวไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย อยู่ในโพรงต้นไม้ประมาณ 3 นาที หลังจากนั้น 15 วัน เริ่มไอแห้งๆ บางครั้งไอมีเสมหะสีขาวอ่อนเพลีย ไม่มีแรงเดินขึ้นบันไดเหนื่อยเบื่ออาหารน้ำหนักลด 2 กิโลกรัม ไม่มีไข้ไม่ปวดหัว ไม่ปวดกระดูก
พบแพทย์วันที่ 5 ก.ย. 2565 เอกซเรย์ปอดผิดปกติ มีก้อนเล็กๆ กระจายทั่วปอดทั้ง 2 ข้าง ทำคอมพิวเตอร์สแกนปอด และช่องท้องพบก้อนเล็กๆ ในปอดกระจายทั่วปอดทั้งสองข้างก้อนในปอดด้านล่างขนาดใหญ่ถึง 1 เซนติเมตร ทำการรักษา
วันที่ 19 ก.ย. 2565 ยาฆ่าเชื้อราชนิดกิน เช้าเย็นหลังกินยา 2 สัปดาห์อาการและเอกซเรย์ปอดดีขึ้นช้าๆ และจะให้ยารักษาต่อประมาณ 12 เดือน