KEY :
- จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถเมล์สาย 51 เบรคแตกชนรถยนต์อีก 9 คันได้รับความเสียหาย
- การเจรจาไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากตัวแทนฝ่ายรถเมล์ไม่สามารถตัดสินใจได้
- อีกทั้งมูลค่าความเสียหายเกินวงเงินประกันภัย
…
กลุ่มผู้เสียหายที่รถยนต์ถูกคนขับรถเมล์สาย 51 เบรคแตกขับชนยนต์รวม 9 คัน มีผู้บาดเจ็บรวม 6 คนนั้น บริเวณ 5 แยกปากเกร็ด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมารวมตัวกันเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
โดยวันนี้ ( 22 กันยายน 2565) ทางพันตำรวจเอก พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผู้กำกับการ สภ.ปากเกร็ด ได้มีการเรียกให้ทุกฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่บริษัทประกัน , เจ้าหน้าที่บริษัทที่ดูแลรถเมล์ , เจ้าหน้าที่อู่ซ่อม และผู้เกี่ยวข้องเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยร่วมกัน
หลังการเจรจาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เบื้องต้น ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากทางเจ้าของบริษัทรถเมล์สาย 51 ไม่ได้เป็นผู้มาเจรจากับผู้เสียหายด้วยตนเอง ส่งเพียงแต่พนักงานมาเจรจา ซึ่งไม่สามารถตัดสินใจได้ และผ่านมากว่า 2 เดือน แต่บริษัทรถเมล์ยังไม่มีการรับผิดชอบค่าเสียหายใดๆ เลย
ทั้งนี้จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่า บริษัทรถเมล์สาย 51 ได้ทำประกันไว้มีทุนประกันวงเงินครอบคลุม 1 ล้านบาท แต่จากการประเมินความเสียหายของรถยนต์ทั้งหมด 8 คัน มูลค่าความเสียหายรวมกันประมานมากกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเกินวงเงินที่ประกันคุ้มครอง ทำให้ยังตกลงกันไม่ได้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดเจรจาร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปในวันที่ 29 กันยายนนี้เวลา 13.30 น.
ในส่วนของคดีอาญาได้ดำเนินคดีแจ้งข้อหาผู้ขับรถเมล์ไปแล้ว เป็นข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถอื่นเสียหาย เหลือแค่ทางแพ่งที่ยังต้องมีการเรียกร้องค่าความเสียหาย หากเจรจาไม่จบ ก็ต้องเป็นขั้นตอนของการฟ้องศาล
นาวสาวปุญญิศา พงค์งาม อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนจอดติดไฟแดงอยู่บริเวณ 5 แยกปากเกร็ด ยังไม่ทันจอดสนิทก็มีรถเมล์ก็พุ่งมาชนอย่างแรก ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก 2 ซี่ จมูกหัก ต้รักษาตัวนานประมาณเดือนกว่า และตอนนี้สภาพร่างกายก็ไม่เหมือนเดิม
ในส่วนของรถยนต์สภาพยับ เกิดไฟลุก เสียหาย 100% ทางอู่ประเมินแล้วไม่สามารถซ่อมได้ ต้องขายซากทิ้ง ซึ่งผลกระทบตอนนี้คือไม่มีรถใช้มา 2 เดือนแล้ว กระทบชีวิตประจำวันทั้งการเดินทาง และสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม ทำงานได้ไม่เต็มที่
เบื้องต้น ตนได้มาร่วมเจรจาไกล่เกลี้ยกับคู่กรณี 2 ครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปเนื่องจากทุนประกันของรถเมล์ไม่พอจ่าย
ทั้งนี้ตนได้เรียกค่าเสียหาย เป็นค่ารักษาตัว ค่าผ่าตัด ค่ารักษาตัวในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นอีก ขาดผลประโยชน์ เพราะหมอยังนัดอยู่ รวมทั้งหมด 6 แสนกว่าบาท ส่วนรถยนต์ต้องซื้อใหม่ ซึ่งทางประกันประเมินได้แค่ 250,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า กังวลว่าจะไม่ได้รับความรับผิดชอบอย่างเต็มที่จากคู่กรณี เพราะเจรจามาหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และตนก็ไม่เคยพบตัวเจ้าของบริษัทรถเมล์เลยแม้แต่ครั้งเดียว เจอแค่ตัวแทนบริษัทและเจ้าหน้าที่ประกันเท่านั้น
หากนัดเจรจาครั้งหน้าหากยังไม่จบ หรือไม่เป็นไปตามเรียกร้องก็พร้อมเดินหน้าต่อถึงที่สุด