คัดลอก URL แล้ว
ศาลเลื่อน “คดีลัลลาเบล” นัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ไปปีหน้า เนื่องจากยังพิจารณาคดีไม่แล้วเสร็จ

ศาลเลื่อน “คดีลัลลาเบล” นัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ไปปีหน้า เนื่องจากยังพิจารณาคดีไม่แล้วเสร็จ

ศาลอาญาธนบุรี นัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์คดี การเสียชีวิตของน้องลัลลาเบล ที่นายรัชเดช หรือ น้ำอุ่น อายุ 26 ปี , นายชัยพล หรือ คิว พรรณนา อายุ 30 ปี เจ้าของงานปาร์ตี้บ้านย่านบางบัวทอง , นายนที หรือตี๋ สถิตพงษ์สถาพร อายุ 34 ปี , นสงสาวพิกุลทอง หรือ เฟิร์ส บุญภา อายุ 25 ปี แฟนสาวนายคิว , นายกฤษฎา หรือ โนบิ โลหิตดี อายุ 28 ปี และนายโกเศศ หรือ ปิงปอง ฤทธิ์นิธิฤกษ์ อายุ 36 ปี เป็นจำเลยที่ 1-6 ตามลำดับ ในความผิด 4 ข้อหาฐานเป็นซ่องโจร , พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย , ใช้อำนาจครอบงำผิดครองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ , กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ , หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย

กรณีระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน 2562 จำเลยทั้ง 6 มีงานเลี้ยงมีการดื่มสุราที่บ้านเลขที่ 100/291 หมู่บ้านพฤกษา 3 ริมคลอง 3 ซอยวัดลาดปลาดุก หมู่ 5 ตำบลบางคูรัด อำเถอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แล้วจ้าง นาวสาวธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ ลัลลาเบล อายุ26 ปี มาเป็นพริตตี้ชงเหล้าร่วมเต้นรำและร่วมดื่มสุรา จำเลยทั้ง 6 มีวัตถุประสงค์ให้ นางสาวธิติมาดื่มสุราจนเมาและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วนายรัชเดช จำเลยที่ 1 ได้พา นางสาวธิติมา ขณะนั้นอยู่ในภาวะมึนเมา โดยใช้กำลังประทุษร้ายไปกระทำอนาจาร อุ้มออกจากบ้านหลังดังกล่าวไปขึ้นรถยนต์ของจำเลยที่ 1 พาไปที่ห้องพักคอนโดย่านดาวคะนอง เขตธนบุรี ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและถึงแก่ความตาย

ส่วนจำเลยที่ 2-6 ร่วมกันสนับสนุนการกระทำผิด ของจำเลยที่ 1 และต่างล่วงรู้ถึงเป้าหมายของการจัดงานปาร์ตี้ โดยให้ลัลลาเบลดื่มสุราจนไม่สามารถครองสติและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วพวกจำเลยยินยอมให้จำเลยที่ 1 พาไปกระทำอนาจารโดยไม่ได้ขัดขวางหรือเข้าห้ามปราม จำเลยทั้งหมดที่ได้ประกันตัวไปก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ศาลเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้ ไปเป็นวันที่ 17 มกราคม 2566 โดยศาลให้เหตุผลว่าการพิจารณายังไม่แล้วเสร็จ

นายเทพพิทักษ์ พฤกษาสิทธิโรจน์ ทนายจำเลยที่ 2-4 เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีมีรายละเอียดมาก จำเลยแต่ละคนมีพฤติการณ์ในคดีต่างกัน ศาลจึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา ในส่วนจำเลยที่ตนเองทำคดีนั้นก็จะพยามต่อสู้ในทั้งเรื่องของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ว่าไม่ได้มีเจตนาทำให้เกิดเหตุจนน้องลัลลาเบลต้องเสียชีวิต ซึ่งข้อหาให้การสนับสนุนการกระทำผิด ก็ถือเป็นประเด็นหลักประเด็นหนึ่งในการต่อสู้คดี ที่ต้องพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่าไม่ได้มีเจตนา ส่วนเรื่องจำนวนเงินค่าชดใช้ค่าสินไหมแก่โจทก์นั้น ยืนยันว่าทางฝ่ายจำเลยมีเจตนาที่จะมอบเงินดังกล่าวให้แก่ญาติผู้เสียหาย แต่ก็ต้องพิจารณาจำนวนเงินให้มีความเหมาะสมกว่านี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุกนายรัชเดช จำเลยที่ 1 ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย เป็นบทที่มีโทษหนักสุดให้จำคุก 8 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-6 ให้ลงโทษฐานเป็น ผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดดังกล่าว จำคุกคนละ 5 ปี 4 เดือน และให้จำเลยทั้ง 6 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมแก่โจทก์รวม 748,660 บาท


ข่าวที่เกี่ยวข้อง