คัดลอก URL แล้ว
หัวอกคนเป็นพ่อ! “ หากย้อนเวลาได้ จะไม่ตัดสินใจให้แม่เด็กนำลูกไปดูแล ”

หัวอกคนเป็นพ่อ! “ หากย้อนเวลาได้ จะไม่ตัดสินใจให้แม่เด็กนำลูกไปดูแล ”

พ่อและย่า “น้องเจ้าขา” เด็กหญิง 3 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และ “น้องพีพี” เด็กชายวัย 2 ขวบที่เสียชีวิตเหตุเลือดออกในช่องท้อง พร้อมด้วยทนายรณณรงค์ เดินทางมา สภ.บางบัวทอง เพื่อขอดูจุดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องการให้ขุดร่างของน้องพีพีมาชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง

วันนี้ ( 02 กันยายน 65 ) ที่ สถานีตำรวจภูธร บางบัวทอง ตำบลละหาร บางบัวทอง นนทบุรี นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ และประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วย นายณัฐพล ทองดวง และนางอนันต์ มาเจริญศรี พ่อและย่า ของน้องเจ้าขา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ 4 เดือนที่ได้รับบาดเจ็บ หลังถูกบุคคลปริศนาทำร้าย และน้องพีพี เด็กชายวัย 2 ขวบ 1 เดือนที่เสียชีวิตด้วยสาเหตุเลือดออกในช่องท้อง เดินทางมาเพื่อขอให้ตำรวจพาไปดู 3 จุดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กทั้งสองคน และต้องการให้ขุดร่างของน้องพีพีขึ้นมาชันสูตรอีกครั้ง

ทั้งนี้ทางครอบครัวยังแสดงออกเชิงสัญลักษณ์หน้า สภ.บางบัวทอง โดยนางอนันต์ ย่าของเด็กได้ใช้ปากกาเขียนข้อความลงบนหน้าปัดนาฬิกา ว่า ‘เด็กถูกทารุณ แจ้งโรงพักบางบัวทอง’ จากนั้นนายณัฐพลใช้ค้อนทุบที่หน้าปัดนาฬิกาหลายครั้งจนแตก เพื่อสะท้อนว่า ต้องการให้เวลาหยุดเดินตั้งแต่ เหตุการณ์เกิดขึ้นกับน้องพีพี จะได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำสองกับน้องเจ้าขา เนื่องจาก สภ.บางบัวทองไม่มีเวลาให้เด็ก

ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ต้องการขอให้ตำรวจพาไปดูจุดที่เกี่ยวข้อง 3 จุด ประกอบด้วย

จุดที่ 1 บริเวณบ้านเอื้ออาทรบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สถานที่ที่น้องพีพี เสียชีวิต และน้องเจ้าขา ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ

จุดที่ 2 มัสยิดที่ฝังร่างน้องพีพี เพื่อนำร่างขึ้นมาชันสูตรอีกครั้ง และจุดสุดท้าย โรงพยาบาลบางบัวทอง เพื่อคุยกับทีมแพทย์ถึงข้อมูลการเสียชีวิตของน้องพีพี โดยเมื่อวานนี้ แม่ของเด็กสองราย ได้ติดต่อเข้ามาหา ซึ่งแม่เด็ก ยืนยัน เด็กทั้งสองเกิดอุบัติเหตุหกล้ม ส่วนรอยช้ำที่ขาของ น้องเข้าขา เกิดจาก ฝากของแป้งขูดที่ขาอ่อน จนเกิดรอยจ้ำที่ร่างกาย

โดยนายณัฐพล ทองดวง พ่อเเด็กหญิง 3 ขวบ เปิดเผยว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากย้อนเวลาได้ จะไม่ตัดสินใจให้แม่เด็กนำลูกไปดูแล เพราะขณะนั้น ไว้ใจแม่เด็กเพราะว่า เป็นแม่และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้กับลูกทั้งสองคน พร้อมตั้งคำถาม เหตุใดถึงปล่อยให้ลูกถูกทำร้าย

ขณะที่นางอนันต์ ย่าของเด็ก กล่าวถึงอาการล่าสุดของน้องเจ้าขา ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาน้องเจ้าขา มีอาการดีขึ้น ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และไม่พบการติดเชื้อในร่างกายส่วนต่างๆ จากการตรวจเลือดล่าสุด แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ว่าจะเกิดการติดเชื้ออีกหรือไม่ ซึ่งน้องเจ้าขามีการตอบสนองทางร่างกายเมื่อน่าพูดคุยด้วย แต่ไม่สามารถพูดได้

นอกจากนี้ นางอนันต์ ยังเปิดเผยข้อความสนทนาผ่านไลน์ระหว่างแม่เด็ก เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 มีเนื้อหาสำคัญเชิงว่า แม่เด็กระบุว่า พ่อเด็ก ไม่มีเงินส่งให้ลูก แต่กลับมีเงินเที่ยวและสัก สมควรให้ลูกตาย ซึ่งช่วงเวลาการสนทนา คือ ช่วงที่พ่อเด็ก ตกงาน จึงไม่มีเงินส่งเลี้ยงลูก และขณะนั้นยังไม่ทราบว่า น้องพีพี เสียชีวิตแล้ว

อย่างไรก็ตามทางครอบครัวได้เดินทางไปที่หลุมฝังศพ ภายในมัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม อ.บางบัวทอง โดยย่าได้พูดคุยกับหลุมศพน้องพีพีขอให้ช่วยทำความจริงให้ปรากฎ ขอให้ช่วยพี่สาว ย่าจะเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ซึ่งทางครอบครัวได้พูดคุยกับ นายสวัสดิ์ ภูริสวัสดิ์ คนอาบน้ำละจัดการศพถึงการทำพิธีวันนั้น โดยนายสวัสดิ์ เปิดเผยว่า ในวันนั้นตนเองเป็นผู้อุ้มร่างเด็กชายไปอาบน้ำ เห็นร่องรอยการผ่าชันสูตรบริเวณ ด้านหน้า และด้านหลัง และบริเวณศรีษะช่วงท้ายทอย แต่ไม่เห็นร่องรอยฟกช้ำอื่นๆ บนร่างกาย

ซึ่งในวันทำพิธี แม่เด็กก็มีอาการเศร้าโศก ซึ่งมาพร้อมกับญาติๆ อีกหลายคน สอดคล้องกับข้อมูล นายบุญมี นาทอง โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิด ผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ที่ระบุว่า ในวันนั้นไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต เนื่องจากแม่เด็กมีหลักฐานต่างๆ ครบถ้วน ในการประกอบพิธี และอยู่ในอาการเศร้าโศก และบอกแต่เพียงว่าลูกเสียชีวิตจากโรงพยาบาล จึงได้ทำพิธีให้ตามปกติ เพราะตามหลักศาสนาต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นใน 24 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ไม่ได้มีตำรวจเข้ามาสอบถามข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม


ภาพ – วิชาญ โพธิ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง