KEY :
- นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปมคำร้อง ในเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครบ 8 ปีนั้น
- ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะสั่งรับหรือไม่รับก็ได้ ส่วนศาลรธน. จะวินิจฉัยว่า อยู่ครบ 8 ปีแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะก็จะพ้นจากความเป็นนายกฯ และครม. ก็จะพ้นไปด้วย
- แต่ครม. ก็ยังคงต้องรักษาการ และปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
- ส่วนตัวพล.อ. ประยุทธ์ จะยังคงรักษาการต่อไปหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่ พล.อ.ประยุทธ์เอง แต่ตามปรกติก็เป็นเรื่องที่ไม่ควร
…
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในทุกวันพุธ จะมีการประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องรอติดตามว่าในวันพรุ่งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะสั่งรับหรือไม่รับก็ได้ แต่คิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับ ซึ่งเมื่อรับต้องติดตามว่า จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่มีคำสั่งในวันพรุ่งนี้ เพราะต้องกระบวนการในการไตร่สวน 2-3 วัน และหากศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็ต้องหยุดและให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทน และทำงานร่วมกับครม.ที่เหลืออยู่ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ในครม.ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะเป็นตำแหน่งที่แยกจากนายกรัฐมนตรี แต่หากศาลไม่ได้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำงานไปตามปกติ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดขึ้นเร็ว
ดังนั้นขอให้ในเวลานี้ฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ ไม่มีความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ไม่ว่าศาลจะสั่งให้หยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่านายกรัฐมนตรีอยู่ครบ 8 ปี แล้ว ก็จะไม่มีปัญหาอะไร เพราะแม้ว่าพลเอกประยุทธ์จะพ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีก็ต้องพ้นไปด้วย แต่ครม. ก็ยังต้องทำหน้าที่รักษาการณ์และปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งหมด ส่วนพลเอกประยุทธ์ จะรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตามกฎหมายสามารถทำได้ แต่แนวปฏิบัติขึ้นอยู่กับเจ้าตัวจะเลือกรักษาการณ์ต่อหรือไม่ แต่ตามปกติเป็นเรื่องที่ไม่ควร เมื่อถึงเวลานั้น อาจจะให้คนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ต้องหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามบัญชีรายชื่อเดิมที่พรรคการเมืองเสนอไว้ ทุกอย่างจะเดินไปตามขั้นตอนนี้ ย้ำว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ การเสนองบประมาณสามารถทำได้ตามปกติ และใครที่เกียร์ว่างอาจจะผิดกฎหมายมาตรา 157 ด้วย
เมื่อถามถึงว่า การที่พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินในปี 2562 เท่ากับเป็นนายกรัฐมนตรีต่อตั้งแต่ 2557 จะส่งผลต่อคำตัดสินหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เคยให้ความเห็นไว้แล้ว ว่าเรื่องนี้เป็นคนละประเด็นไม่เกี่ยวกัน การไม่ยื่นไม่มีโทษ และมีความหมานอย่างไร ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้พิจารณา
เมื่อถามว่า สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีช่วง คสช.มีการแต่งตั้งโดย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. แต่ปี 2562 แต่งตั้งโดย ส.ส. มีนัยยะหรือไม่อนายวิษณุ กล่าวว่า มีนัยยะ แต่ไม่ขอพูด ซึ่งแล้วแต่ศาลพิจารณา เป็นทางบวกหรือทางลบก็ไม่ขอตอบ บอกแต่เพียงว่ามีนัยยะสำคัญ หลังจากตนชี้แจงให้ที่ประชุมครม.ได้รับทราบ นายกรัฐมนตรี ได้พูดกับครม.ว่า นายกรัฐมนตรีไม่กังวลอะไร ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับศาล ซึ่งในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดถึงเรื่องของม็อบที่มากดดันชุมนุม ส่วนประเด็นเรื่องงบประมาณ นายกรัฐมนตรีได้กำชับ ว่า ให้ติดตามเพราะวันนี้สภาจะพิจารณาแล้วเสร็จ ขอให้ทุกคนอยู่ในการโหวต ที่เหลืออีก 10 มาตรา กำชับขออย่าให้การประชุมล่ม ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า มีปัญหา ว่าบางพรรคไม่ได้เข้าประชุม จึงได้กำชับให้ทุกพรรคให้ความร่วมมือ
เมื่อถามว่า ระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาลมีข้อควรระวังอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี
นายวิษณุ กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญประชุมในวันพรุ่งนี้และได้เห็นคำร้อง ก็อาจจะมอบให้องค์คณะย่อยไปดูและทำความเห็นกลับมา 3-5 วัน และหากต้องให้รัฐบาลชี้แจง ต้องให้เวลา ซึ่งรัฐบาลอยากให้เร็วและพร้อมที่จะชี้แจง
เมื่อถามว่า รองนายกรัฐมนตรีที่เหลือไม่มีความพร้อมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีรักษาการณ์ นายวิษณุ ระบุว่า รองนายกรัฐมนตรี มีตั้ง 6 คน แต่ก็ยอมรับว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่หากเกิดขึ้นจริง ที่ประชุมครม.จะมีการประชุมเพื่อหาผู้ที่จะมารักษาการณ์ ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมาย ในเรื่องบริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อถามว่า หากศาลมีคำสั่งหลังวันที่ 24 สิงหาคม จะมีผลเสียอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะมีผลกับพลเอกประยุทธ์ เพียงคนเดียว ครม. อยู่ครบ แต่เปลี่ยนจากครม.จริงเป็นครม.รักษาการณ์ ซึ่งคำสั่งต่างๆจะไม่เป็นโมฆะเพราะเราใช้มาตรา 82 ได้เขียนไว้ จะไม่กระทบการใดที่มำแล้วโดยสมบูรณ์ ซึ่งมาตรา 82 เป็นเรื่องของ ส.ส. แต่นำมาใช้กับนายกรัฐมนตรีโดยอนุโลม หากส.ส.คนไหนสงสัยว่า เพื่อนส.ส.ด้วยกันพ้นหรือยัง ให้เข้าชื่อ 1 ใน 10 และศาลวินิจฉัย ก็ให้มีพ้นย้อนไปถึงวันที่ศาลสั่ง และไม่มีผลกระทบ