อิทธิพลของพายุฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมในพื้นที่รับน้ำตอนบนเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำนวนมาก ตั้งแต่ อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และ อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนในปริมาณมาก และ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด เช้านี้ ยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักฯ กว่า 324.20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เกิดประสิทธิ์ภาพสูงสุด สอดคล้องกับ การพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำไว้สำหรับรองรับมวลน้ำขนาดใหญ่ จากฝนที่ตกสะสมก่อนหน้านี้ ตามแผนการบริหารจัดน้ำที่กรมชลประทานกำหนด เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
ทำให้ในวันนี้ นายอภิรักษ์ ศรีกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ได้ลงนาม หนังสือด่วนที่สุด ฉบับที่ 3 ในรอบเดือนสิงหาคม ประกาศว่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จะเพิ่มการระบายน้ำโดยทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากอัตรา 280 ลูกบาศก์เมตร/วินาที วันที่ 21 สิงหาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันนี้ จนถึงอัตรา 400 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในวันที่ 22 สิงหาคม 2565 เวลา 12.00 น. (พรุ่งนี้)
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชนจากการที่ระดับน้ำ ในแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่พื้นที่ จังหวัดลพบุรี สระบุรี และ อยุธยา จะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน อีกประมาณ 0.90 – 2.00 เมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำ ไม่เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสัก แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขอแจ้งเตือน 3 จังหวัด ด้านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกาศประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้าป่าสัก อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำ อย่างใกล้ชิดต่อไป