ตำรวจสอบสวนกลาง เข้าจับกุมตัว นายเจษฎา หรือ นายกฤชนนท (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลทหารกรุงเทพ ที่ 366/2565 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน,ฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งสามารถจับกุมได้บริเวณคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง ย่านถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง แขวงสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2565 ได้มีผู้เสียหายเป็นบริษัทรถเช่าและบริษัทเต็นท์รถ จำนวน 3 ราย ที่ถูกโจรกรรมรถไป จำนวน 12 คัน มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 76,000,000 บาท เข้ามาร้องทุกข์กับบก.ป. หลังถูกนายเจษฎา หรือ โบ้ท ทำทีเข้ามาเช่ารถหรู ราคาแพง โดยอ้างว่าเช่าไปให้ผู้บังคับบัญชาใช้งาน ซึ่งหลังจากมีการเช่ารถ นายเจษฎา ได้บ่ายเบี่ยงในการคืนรถและไม่สามารถติดต่อได้ บริษัทฯ จึงติดตามรถของพวกตน จนพบว่าถูกนำไปจำนำ ซึ่งนายเจษฎา ผู้ต้องหา ได้ตระเวนนำรถหรูไปจำนำให้กับนายทุนต่างๆ รวมทั้งขายต่อให้กับบุคคลอื่น
จากการตรวจสอบพบว่า ทุกครั้งที่จะนำรถที่หลอกเช่าออกจำนำนั้น นายเจษฎา มักจะนำภาพใบหน้าตัวเองตัดต่อลงข้อมูลบัตรประชาชนผู้อื่น เพื่อให้ตรงกับข้อมูลรถยนต์คันนั้นๆ แล้วจะนำไปขาย หรือจำนำ เมื่อได้เงินมา นายเจษฎา จะนำเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายส่วนตัว บางครั้งจะนำมาชดใช้ให้กับเต็นท์รถต่างๆ เป็นการหมุนเวียนเงินไปเรื่อย ๆ และกระทำในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยังพบพฤติกรรมในลักษณะนี้ของ นายเจษฎา ว่าได้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่ มีรถยนต์หรูจำนวนมากที่ถูกโกงไปจำนำ และหลอกขายต่อให้เต็นท์รถยนต์มือสอง คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท และมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก ที่อยู่ระหว่างเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับสถานีตำรวจในท้องที่ ขณะที่ชุดจับกุมเมื่อได้ข้อมูลดังกล่าว จึงสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ย่านพัฒนาการ กรุงเทพมหานครก่อนนำกำลังเข้าจับกุมได้ในที่สุด
อีกทั้งยังพบว่า ตัวผู้ต้องหามีพฤติการณ์กระทำความผิดอีกหลายรูปแบบและหลายท้องที่ ซึ่งบางคดีมีการแจ้งความไปแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ขณะเดียวกันทราบว่า ผู้ต้องหายังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพที่ 366/2565 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีหลอกชัดชวนเพื่อนที่ทำงาน ให้ร่วมกันลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทแห่งหนึ่ง (ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป) ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยมีผู้เสียหายจำนวน 21 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์เมื่อ 10 พฤษภาคม 2565 แล้ว
นอกจากนี้ ผู้ต้องหา ยังมีหมายจับเป็นที่ต้องการตัวอีกจำนวน 2 หมาย ดังนี้
1.หมายจับศาลอาญาพระโขนง เลขที่ จ.359/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”
2.หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ เลขที่ จ.326/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”
จากการสอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา