ศาลปกครองเชียงใหม่ มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ นายสุวิทย์ รุ่งวิสัย ซึ่งอ้างเป็นผู้มีหน้าที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยื่นฟ้องกรมธนารักษ์ ขอให้ศาลฯ มีคำพิพากษาเพิกถอนและให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและปรับปรุงพื้นที่ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขที่ ชม.1723 (บางส่วน) ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 147 ไร่ 3 งาน 30 ตารางวา ที่กรมธนารักษ์อนุญาตให้สำนักงานศาลยุติธรรมก่อสร้างอาคารที่ทำการศาล บ้านพักตุลาการ และข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือที่รู้จักในคดี “ป่าแหว่ง” ให้กลับมามีสภาพดังเดิม
ศาลวินิจฉัยว่า พื้นที่ราชพัสดุแปลงพิพาททั้งแปลงอยู่นอกแนวเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยสุเทพ และนอกแนวเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ดังนั้นกรมธนารักษ์จึงมีอำนาจอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุแปลงพิพาท
ส่วนประเด็นเรื่องที่ร้องว่าไม่ได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและไม่ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
เมื่อข้อเท็จจริงว่าที่ราชพัสดุแปลงพิพาทมิได้มีพื้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใดทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่อุทยานแห่งชาติ อีกทั้ง พื้นที่ราชพัสดุแปลงพิพาทอยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๒ ชั้น ๓ และชั้น ๔ ดังนั้นจึงได้รับยกเว้นไม่จำต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และไม่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียก่อนเริ่มโครงการ
การฟ้องร้องว่าการก่อสร้างอาคารเป็นเหตุให้มีการโค่นต้นไม้ ทำลายป่า ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ป่าแหว่ง อันเป็นการทำลายระบบนิเวศของพื้นที่ป่าไม้ที่สวยงามตามธรรมชาติและมีผลกระทบต่อลำห้วยแม่ชะเยือง จึงไม่อาจรับฟังได้
อ่านฉบับเต็ม
#ป่าแหว่ง #ศาลปกครองเชียงใหม่ #ข่าว #ข่าวโมโน