คัดลอก URL แล้ว
“ชัชชาติ“ ร่วมงาน “นายอินทร์สนามอ่านเล่น” แนะนำหนังสือ  zero to one

“ชัชชาติ“ ร่วมงาน “นายอินทร์สนามอ่านเล่น” แนะนำหนังสือ zero to one

KEY :

วันนี้ (23 กรกฎาคม 65) ที่ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ เขตปทุมวัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ร่วมเสวนาในหัวข้อ Inspire Talk สนามบันดาลใจ ภายในงานนายอินทร์สนามอ่านเล่น ท่ามกลางผู้ร่วมงานที่เข้ามาขอถ่ายภาพนายชัชชาติอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ก่อนขึ้นเวที นายชัชชาติกล่าวว่า ตัวก็แปลกใจมาก ไม่ได้รู้รายละเอียดของงาน ตอนที่นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาก็เจอวัยรุ่นหลายกลุ่ม รวม ๆ แล้ว 10 กว่าคน ทุกคนมางานหนังสือกันหมด ก็ยังแปลกใจว่าเด็กเขาสนใจการอ่านหนังสือมากขึ้นหรืออย่างไรนะ เห็นบอกว่าวันนี้เป็นเหมือนบุฟเฟ่ต์ ถุง 1 ใบ 199 บาท หยิบเท่าไหร่ก็ได้ วันนี้เป็นสิ่งที่ดี หนังสือเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เรามีข้อมูล มีความรู้ในการตัดสินใจสิ่งต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น ผมว่าต้องสร้างนิสัยในการอ่านให้เรารักการอ่านมากขึ้น เชื่อว่าสังคมก็จะมีทางออก หรือมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น คือสิ่งที่ดีและดีใจ ไม่คิดว่าจะมีคนตื่นตัวเรื่องการอ่านมากขึ้นขนาดนี้

จากนั้น นายชัชชาติได้กล่าวบนเวที ถึงรูปแบบการใช้ชีวิตการทำงานและการที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) เลือกนำเทคโนโลยีความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่มาใช้แก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯ ซึ่งต้องยอมรับว่าหลายส่วนเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์อย่างเช่นการไลฟ์ผ่านเพจ “ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ “ ซึ่งไม่นานมานี้ได้ทราบว่ามีเด็กผู้หญิงคนนึงที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเมื่อได้ดูการไลฟ์สดทำให้เขาอยากมีแรงบันดาลใจอยากออกมาใช้ชีวิตสิ่งนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้ไลฟ์ได้สร้างอรงบันดาลใจให้กับคนอื่น

สำหรับรูปแบบการใช้ชีวิต นายชัชชาติกล่าวว่า “ ชีวิตของคนเราเหมือนโถแก้ว สิ่งที่มีประโยชน์สิ่งที่ดีเหมือนกับก้อนหินสิ่งที่ทำให้เราเสียเวลาก็เหมือนทรายฉะนั้นแล้วเลือกอยู่ว่าเราจะเติมสิ่งไหนลงไปหากเติมทรายจนเต็มสุดท้ายก็ไม่มีที่เหลือให้ก้อนหินได้สิ่งที่สร้างสรรค์เติมไปทุกคนมีโถแก้วเป็นของตัวเองทุกคนมีสิทธิ์เลือก “

นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องการอ่านกับเด็ก สุดท้ายไม่ว่าจะอ่านนิยายหรืออ่านการ์ตูนก็ยังดีเพราะว่าได้อ่านใครที่ไม่ชอบอ่านก็ฟังได้ทุกคนมีสิ่งที่ชอบและมีแนวทางให้เลือกสิ่งสำคัญคือเราต้องพยายามเติมเต็มความรู้สิ่งใหม่ๆเข้าไปตลอด สำหรับหนังสืออีก 1 เล่มที่อยากแนะนำคือ zero to one เหมาะสำหรับเป็นจุดเริ่มต้นเหมาะสำหรับคนที่มีความคิดแตกต่างสร้างสรรค์นำไปสู่โอกาสพัฒนา ต่อยอด

ทั้งนี้กทม.เอง ต้องการสนับสนุนความสร้างสรรค์เหล่านั้นอาจจะไม่ใช่เป็นเงินแต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ให้คนที่สนใจได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เพื่อจะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจเปิดโอกาสสร้างรายได้โดยสิ่งที่กทม.ทำได้คือการแบ่งเบาอาจจะไม่ต้องเก็บค่าเช่าที่หรือเก็บจำนวนน้อยเพราะต้องเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ต้นทุนยังมีไม่สูง

ส่วนเรื่องการเขียนหนังสือเป็นของตัวเอง ที่ผ่านมามีหลายคนมาเชิญชวนแล้ว ส่วนตัวสนใจมากแต่ด้วยภารกิจงานขณะนี้อาจไม่เอื้ออำนวย แต่ถ้ามีโอกาสได้เขียน ตัวเองอยากเขียนเรื่องราวของชีวิต ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เขียนเรื่องการเลี้ยงลูกเลี้ยงแบบไหนผ่านอะไรมา และเขียนเรื่องการทำงาน

นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในมุมมองความคิดของตนเอง การที่ไม่รู้อะไรในโลกมีอีกมหาศาล แต่สิ่งที่เรารู้มีนิดเดียว ดังนั้นการจะเพิ่มความรู้ขยายความรู้ต้องอ่านข้อมูลให้เยอะๆ และวันนี้ เห็นคนมางานหนังสือกันเยอะ และหลายๆงานหนังสือ คนแน่นทุกงาน ไม่ว่าจะอ่านอะไรก็ได้ขอให้รักการอ่าน

ซึ่งส่วนตัวมองว่า ปัจจุบัน เด็กและเยาวชนสนใจหนังสือเยอะขึ้น ไม่ว่าจะอ่านอะไรแต่ก็ขอให้อ่าน และแนวโน้มคนเริ่มเห็นคุณค่าการอ่านเยอะขึ้น ซึ่งผู้ใหญ่ก็ต้องทำเป็นตัวอย่างว่า อ่านหนังสือแล้วจะมีผลต่อการทำงาน วิธีคิด และการตัดสินใจต่างๆ ถ้าเราเป็นตัวอย่างที่ดีว่าอ่านแล้วมีประโยชน์ก็เชื่อว่าเด็กก็จะอ่านหนังสือ

โดยในนโยบายของกทม. พยายามเพิ่มห้องสมุดให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ต้องกระจายลงชุมชน และขยายเวลาเปิดให้เหมาะสม อาจจะเปลี่ยนจากการมาอ่านหนังสือแบบอนาล็อก เป็นดูหนังสือจากบ้าน โดยรถโมบายห้องสมุด เข้าถึงพื้นที่ และพัฒนาระบบ wifi ซึ่งจุดนำร่องมีน่าสนใจหลายแห่ง แต่ใน 6โซน จะกำหนดเขตละ2แห่ง เพื่อให้เป็นต้นแบบ โดยขณะนี้มอบหมายให้ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้เดินหน้าเรื่องนี้


ภาพ – วิชาญ โพธิ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง