คัดลอก URL แล้ว
เร่งตามหาตัวผู้ป่วยฝีดาษลิงที่ภูเก็ต หลังหลบหนีการรักษา (ไทม์ไลน์)

เร่งตามหาตัวผู้ป่วยฝีดาษลิงที่ภูเก็ต หลังหลบหนีการรักษา (ไทม์ไลน์)

KEY :

จากกรณีที่มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกของประเทศที่จังหวัดภูเก็ต โดยในวันนี้ ทางจังหวัดได้มีการแถลงข่าวรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกของประเทศ ระบุว่า

ผู้ป่วยรายนี้ เป็นชาย อายุ 27 ปี ชาวไนจีเรีย ซึ่งเข้าไทยมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 21 ต.ค. 64 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยใช้วีซ่า NON – IMMIGRANT ED ระบุว่า จะไปที่เชียงใหม่ แต่เปลี่ยนเส้นทางการเดินทางมาพักที่คอนโดฯ ที่ป่าตองเมื่อ พ.ย.64 จนปัจจุบัน (โอเวอร์สเตย์) ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาโรค หรือให้ข้อมูลใด ๆ โดยจากการสอบสวนโรคพบว่า

จากการสอบถามข้อมูล ผู้ป่วยระบุว่า ชอบเที่ยวสถานบันเทิง โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีเพศสัมพันธ์กับหญิง ซึ่งไม่ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

UK Health Security Agency

ไทม์ไลน์ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกของไทย

กลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

ผลการตรวจสอบพบผู้สัมผัสใกล้ชิดจากการไล่ตามแกะรอยจากกล้องวงจรปิด โดย

โดยผลตรวจหาเชื้อจากตัวอย่างในผู้สัมผัสเสี่ยงที่คอนโดฯ 2 ราย และที่สถานบันเทิง 5 ราย ไม่พบเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสในชุมชน อยู่ในระหว่างการรอผลการตรวจหาเชื้อ

มาตรการที่ดำเนินการ

ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการย้อนกลับไปดูผู้ป่วยเก่าที่เคยมีเข้ามาพบแพทย์และมีอาการผื่น ไข้ ไอ เจ็บคอ และจะมีการสอบสวนโรคเพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา

ทางด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า หลังรับแจ้งเหตุในวันที่ 18 ก.ค. ได้ติดตามไปที่ ดี คอนโด กะทู้ และได้เข้าตรวจสอบที่ห้องพัก ไม่พบผู้ป่วย ได้มีการตรวจกล้องวงจรปิดจึงพบว่า ผู้ป่วยได้หลบหนีออกจากที่พัก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ไล่ตรวจจากกล้องวงจรปิดต่าง ๆ ไปเรื่อย จนพบว่า ผู้ป่วยที่ป่าตอง

หลังจากที่เข้าพักที่โรงแรมบริเวณแยกป่าตองฮิลล์แล้ว ในวันรุ่งขึ้นได้นำกุญแจมาคืน ก่อนที่จะออกไป และขึ้นรถคันหนึ่งออกไปทางกะหลิม กมลา ผ่านไปทางอบต.เชิงทะเล ซึ่งยังคงติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า ผู้ป่วยรายนี้ น่าจะยังอยู่ในภูเก็ต เนื่องจากการตรวจสอบกล้องวงที่ด่านท่าฉัตรไชย ไม่พบว่า รถคันที่มารับผู้ป่วยรายนี้ ผ่านไปแต่อย่างใด

แต่ก็ยังไม่ทิ้งในกรณีที่ผู้ป่วยรายนี้ เปลี่ยนรถ และเดินทางออกจากภูเก็ต ส่วนการเดินทางทางอากาศนั้น ทางจังหวัดได้ประสานกับทางสนามบินไว้แล้ว ดังนั้นจะไม่สามารถเดินทางออกจากภูเก็ตผ่านทางเครื่องบินนั้น

การระบาด

สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อในขณะนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อได้ คือการสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสตัวกันในลักษณะเนื้อแนบเนื้อ, สัมผัสสารคัดหลั่ง เช่นการไอ – จามใส่หน้าตรง ๆ นำไปสู่การสัมผัส น้ำลายหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย

ซึ่งการติดเชื้อจะคล้ายคลึงกับโรคอีสุกอีใส คือการสัมผัสตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง แต่จะติดทางอากาศได้ยากกว่าอีสุกอีใส

ซึ่งผลการตรวจเชื้อของผู้ป่วยรายนี้ พบว่า เป็นเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก มีความรุนแรงที่ต่ำกว่า สายพันธุ์แอฟริกากลางที่มีความรุนแรงกว่า

โดยในขณะนี้ ในต่างประเทศเป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดจากการมีเพศสัมพันธ์กัน มีส่วนน้อยที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด ซึ่งจะต้องเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกันมาก ๆ เช่น คลุกคลีใกล้ชิดกันเป็นระยะเวลานาน

ระยะฟักตัวของเชื้ออยู่ที่ 5-21 วัน ทำให้การกักตัวผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยงก็จะอยู่ที่ 21 วัน ส่วนผู้ป่วยจะเป็นการรักษาตามอาการ ไม่ยารักษาเป็นการเฉพาะ

คำแนะนำในการหลีกเลี่ยง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง