คัดลอก URL แล้ว
ผู้เสียหายอุ้มกล้วย! ร้องกองปราบคดีถูกทำร้ายจนโคม่านาน 8 วัน  แจ้งความ 2 เดือนไม่คืบหน้า

ผู้เสียหายอุ้มกล้วย! ร้องกองปราบคดีถูกทำร้ายจนโคม่านาน 8 วัน แจ้งความ 2 เดือนไม่คืบหน้า

KEY :

วันนี้ (15 กรกฎาคม 65) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน กทม. นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนายภานุพงศ์ ตรีเดชา อายุ 30 ปี และนายภัทรพล ตรีเดชา อายุ 27 ปี ผู้บาดเจ็บ ซึ่งถูกวัยรุ่นในสถานบันเทิงใกล้ สภ.อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ทำร้ายร่างกายจนโคม่านาน 8 วัน เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับบัญชาสอบสวนกลาง เพื่อขอความเป็นธรรมในคดี

โดยนายภัทรพล ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตนและพี่ชาย รวมถึงเพื่อนรวมกัน 4 คน ได้เดินทางไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ในช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ตนยอมรับว่ามีอาการเมาเล็กน้อย และได้เข้าไปเตือนกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีที่บริเวณหน้าห้องน้ำส่งเสียงดังให้เบาเสียงลง แต่ยืนยันไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปหาเรื่อง ทำให้น้องที่มาด้วยกันกับตนพาตนกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวซึ่งมีประมาณ 10 คน เดินมาหาเรื่องตนที่โต๊ะโดยได้ล็อคคอและตบหน้า หลังจากนั้นได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้น ก่อนจะมีการแยกย้ายกันกลับบ้าน

ทั้งนี้ระหว่างที่ตนยืนรอรถน้องชายอีกคนมารับบริเวณหน้าร้าน กลุ่มดังกล่าวได้เข้ามารุมทำร้ายตนซ้ำอีกจนสลบไป ทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณลคิ้วข้าวขวา และมีเลือดออกในสมอง จนต้องเข้าโรงพยาบาลมีอาการโคม่า ซึ่งตนจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย ส่วนที่ตนนำกล้วยมาวันนี้ เพราะทางคู่อริอ้างว่าวันที่เกิดเหตุตนได้แจกกล้วยให้ ตนจึงนำกล้วยมาด้วย

ด้านนายภานุพงศ์ ตรีเดชา อายุ 30 ปี พี่ชายผู้บาดเจ็บซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ในช่วงเกิดเหตุคนเห็นว่าน้องชายถูกทำร้ายจนสลบไปแล้ว จึงเดินไปหยิบปืนที่รถขึ้นมายิงขึ้นฟ้าเพื่อยุติเหตุการณ์เท่านั้น แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะเจาะจงทำร้ายใคร

ซึ่งยอมรับในข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธาณะโดยไม่มีใบอนุญาต พร้อมชี้แจงสาเหตุที่ต้องพกปืนเพราะที่พักเป็นแค่เพิงไม้ ไม่มีที่เก็บมิดชิด จึงต้องนำไปเก็บในรถแต่ไม่ได้ติดตัวและไม่ได้พกไปทุกที่ โดยปืนดังกล่าวเป็นปืนที่มีทะเบียนของคุณพ่อ ซึ่งพ่อได้โอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย

หลังเกิดเหตุคู่กรณีได้โทรติดต่อผ่านคนกลางเข้ามาเพื่อเจรจาค่าเสียหายเพื่อขอจบเรื่อง โดยในครั้งแรกที่น้องชายตนยังไม่ฟื้นได้เรียกค่าเสียหายไปจำนวน 1 ล้านบาท แต่ทางคู่กรณีเงียบไป ก่อนจะติดต่อกลับมาอีกครั้งในตอนน้องชายเริ่มรู้สึกตัวแต่สติยังไม่ครบถ้วนจึงได้เรียกค่าเสียหายไป 6 แสนบาท และคู่กรณีติดต่อมาอีกครั้งในช่วงที่น้องชายเริ่มพูดคุยได้จึงได้เรียกไป 4 แสนบาท และล่าสุดในช่วงที่เป็นข่าวจึงเรียกค่าเสียหายแค่ 3 แสนบาทและยอมจบเรื่อง เพราะยอมรับว่าน้องชายของตนก็มีส่วนผิดที่ไปพูดจากับฝ่ายคู่กรณีก่อน จนทำให้เกิดเรื่อง

ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปแจ้งความ สภ.ในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี และหลังแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ลงเลขรับคดีให้

อีกทั้งยังคาใจในคดีนี้อยู่หลายเรื่องในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงความชัดเจนในการจับคนร้ายทั้งหมด การตามคลิปจากกล้องวงจรปิด ซึ่งตอนแรกที่ได้คุยกับผู้กำกับ สภ.ดอนตูม จะจับคนก่อเหตุเพียงคนเดียวทั้งที่มีผู้ก่อเหตุถึง 10 คน จึงตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นลูกผู้มีอิทธิพลในจังหวัดหรือไม่ จึงไม่ดำเนินคดี รวมถึงเรื่องของกล้องวงจรปิดก็อ้างว่ามีปัญหา ดูไม่เห็นคนร้ายชัดเจน

นอกจากนี้การที่พี่ชายผู้บาดเจ็บได้มีการยิงปืนถูกกฎหมายเพื่อยุติเหตุการณ์ แต่กลับโดนจับในคืนวันเกิดเหตุ ส่วนกลุ่มคนก่อเหตุยังไม่ได้โดนจับกุมทั้งหมดเลย จึงจำเป็นที่จะต้องมาร้องขอความเป็นธรรมและขอให้กองปราบตรวจสอบคดีนี้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่อย่างไร และขอให้ส่งชุดสืบสวนเข้าไปประกบคดีนี้ด้วยว่ามีคนร้ายกี่คนและทำไมถึงไม่ดำเนินการจับกุม


ภาพ – วิชาญ โพธิ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง