งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 19 Thailand Herbal Expo 2022 “สร้างเศรษฐกิจไทย ด้วยกัญชาไทย นวดไทย อาหารไทย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 กรกฎาคม 2565 บริเวณฮอลล์ 11 – 12 ศูนย์แสดงสินค้าและ การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ภายในงานนอกจากจะมีการออกร้านจำหน่ายอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย การตรวจสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และ การแพทย์ทางเลือก นวัตกรรมกัญชาทางการแพทย์แผนไทย ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านในการใช้กัญชาดูแลสุขภาพชุมชนแล้ว ภายในงานยังได้จัดการเสวนาในหัวข้อ “กัญชา เทวา หรือ ซาตาน” ผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย นายอัครนันท์ อริยศรีพงษ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรวังน้อยพัฒนา, นายอร่าม ลิ้มสกุล (ลุงดำ เกาะเต่า) ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเรื่องของกัญชาและเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์กัญชาไทย จนได้รับการยอมรับจากต่างประเทศในนาม “กัญชาสายพันธุ์ KD” , นายคฑาวุธ ทองไทย หรืออาจารย์ไข่ “มาลีฮวนน่า”, นายภิญโญ รู้ธรรม ศิลปิน ดำเนินรายการโดย เอก อัคคี
ด้านนายอัครนันท์ ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรวังน้อยพัฒนา จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้จัดตั้งวิสาหกิจชุมชนฯเพื่อปลูกกัญชาโดยได้รับความร่วมมือจาก ลุงดำ เกาะเต่า ซึ่งถือว่าเป็นปราชญ์ชาวบ้านเรื่องกัญชา ก่อนหน้านี้ลุงดำได้มอบตำรับยากัญชาหมอพื้นบ้าน ให้กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำหรับวิสาหกิจชุมชนเกษตรวังน้อยพัฒนานอกจากจะพัฒนาสายพันธุ์กัญชาด้านการแพทย์แล้ว ยังมุ่งหวังที่จะเป็นศูนย์การเรียนรู้การปลูกกัญชาทั้งระบบ ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ การปลูกทั้งในร่มและกลางแจ้ง การดูแลบำรุงรักษา ทั้งนี้เพื่อให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่สำหรับชุมชน หากชาวบ้านได้นำความรู้ไปปลูกกัญชาจนได้ผลผลิต สามารถนำมาขายคืนให้วิสาหกิจชุมชนฯเพื่อนำไปผลิตยา โดยผลผลิตที่ได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้กับกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกเพื่อใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางยาต่อไป คาดว่าหลังจากนี้ไป 1-2 เดือนจะพร้อมเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมได้
ขณะที่ลุงดำ เกาะเต่า ระบุว่ามีความตั้งใจพัฒนาสายพันธุ์กัญชาสำหรับด้านการแพทย์ พยายามค้นหาสายพันธุ์ที่มีทั้ง สาร THC และ CBD เพราะที่ผ่านมาได้ศึกษา ทดลองการใช้ด้วยตนเองจนยืนยันว่ากัญชา มีประโยชน์มากกว่าโทษ หากใช้ถูกวิธี หลังจากนี้ตั้งใจในการพัฒนาสายพันธุ์กัญชาทางการแพทย์ให้เหมาะกับการรักษาโรคแต่ละโรค เพื่อจะได้เป็นสมบัติของชาติต่อไป
ส่วนอาจารย์ไข่ “มาลีฮวนน่า” เสนอว่าอยากให้มีการทดลองศึกษาอย่างเป็นระบบกับคน เช่นการทดลองและการวิจัยยาชนิดอื่น เพื่อที่จะได้ข้อสรุปยืนยัน ไม่ใช้แค่ความเชื่อ มองว่าการลงแต่ข่าวแง่ลบของกัญชาจะไม่เกิดประโยชน์เกรงว่าต่อไปหากควบคุมการปลูกในครัวเรือนอย่างเดียวกลุ่มนายทุนจะได้ประโยชน์มากกว่า เช่นเดียวกับนายภิญโญ รู้ธรรม เห็นว่าภาครัฐต้องเร่งให้ความรู้ และข้อมูลการใช้กัญชาที่ถูกต้องกับประชาชนเพื่อลดปัญหาการใช้กัญชาในทางที่ผิด
นอกจากนี้ภายในงาน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในฐานะโฆษกและกรรมาธิการคณะกรรมาธิการวิสามัญ ร่าง พิจารณา พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ…สภาผู้แทนราษฎร ได้ขึ้นแถลงบนเวทีว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(8 ก.ค.65)ทางคณะกรรมาธิการฯกัญชา กัญชง พิจารณาเห็นชอบเรื่องการปลูกกัญชาใน 2 ประเด็นคือ 1.เสนอให้ครัวเรือนปลูกกัญชาได้ไม่เกิน 10 ต้น และทำการรจดแจ้งให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ เพื่อเป็นหลักประกันว่าประชาชนจะสามารถมีต้นกัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือนเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้ ส่วนผู้ที่ต้องการ “ปลูกเพื่อการพาณิชย์” หรือ ปลูกมากกว่า 10 ต้น หรือปลูกเพื่อขายได้พิจารณาไปก่อนหน้านี้แล้วว่า “ต้องขออนุญาต”เท่านั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองบุคคลอื่นในสังคมตามกฎหมาย เพียงแต่ผู้ปลูกกัญชาเพื่อการพาณิชย์ไม่เกิน 5 ไร่ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ โดยใบอนุญาตทุกประเภทจะมีอายุ 3 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
2.การพิจารณาในหมวด 10 การคุ้มครองบุคคลซึ่งอาจได้รับอันตรายจากการบริโภค กัญชา กัญชง และการป้องกันการใช้ในทางที่ผิด ให้มีความชัดเจน ใน 6ประเด็น คือ
1.การ “คุ้มครองประชาชนบางกลุ่ม” ไม่ให้เข้าถึงกัญชา กัญชง สารสกัด โดยในมาตรา 37 ระบุห้ามผู้ใด (ไม่ว่าจะมีใบอนุญาตหรือไม่มีใบอนุญาต)ขาย กัญชา กัญชง สารสกัด หรืออาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหารที่มีกัญชา กัญชง หรือสารสกัดเป็นวัตถุดิบ แก่ บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี, สตรีมีครรภ์, สตรีให้นมบุตร หรือบุคคลอื่นใดตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด และต้องมีการปิดประกาศและแจ้งผู้บริโภค และ
2.ป้องกัน “วิธีการขาย” กัญชา กัญชง สารสกัดที่สุ่มเสี่ยงใช้ในทางที่ผิด และไม่ให้ส่งเสริมการขายช่อดอก ตามมาตรา 37/1 จึง “ห้าม”ผู้ที่ขายกัญชา กัญชง สารสกัด ตัวอย่างเช่นห้ามขายโดยใช้เครื่องขาย ,ห้ามขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ,ห้ามขายช่อดอกกัญชา กัญชง นอกสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต,ห้าม ขายช่อดอกกัญชา กัญชง โดยวิธีการแจก แถม ให้หรือแลกเปลี่ยนกับสินค้าอื่น หรือสิทธิประโยชน์อื่นแล้วแต่กรณี และห้ามขายด้วยวิธีการทำการตลาดทั้งลดแลก แจก แถม จับรางวัล
3.ปกป้อง “สถานที่” ซึ่งต้องปลอดกัญชา กัญชง สารสกัด ห้ามขายกัญชา กัญชง สารสกัด ในวัดรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา,สถานศึกษา,หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก,สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก,สถานที่ขนส่งสาธารณะ สนามบิน ท่าเรือ และสถานที่อื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
4.ห้ามสูบเพื่อนันทนาการในที่สาธารณะ
5.ห้ามใช้ช่อดอกผสมในอาหารเพื่อจำหน่าย
6.ห้ามสูบกัญชา กัญชงก่อนและระหว่างขับรถ
นายปานเทพ ยังระบุอีกด้วยว่า บทบัญญัติดังกล่าวทางคณะกรรมาธิการฯ จัดทำเพิ่มเติมเป็นเพียงร่างแรกเท่านั้น จึงอาจยังไม่ครบถ้วน สมบูรณ์ และพร้อมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้านเพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขเพิ่มเติมให้กฎหมายฉบับนี้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม