นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนายกุลิศ สมบัติศิริ ร่วมกันแถลงมติที่ประชุมหารือมาตรการเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน อันเนื่องมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันนี้ว่า เห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการช่วยเหลือประชาชนบางส่วนที่ใกล้หมดอายุในเดือนมิถุนายนนี้ ออกไปอีก 3 เดือน ไปจนถึงเดือนกันยายน เช่น มาตรการส่วนลด NGV สำหรับแท็กซี่ และส่วนลด LPG สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ส่วนมาตรการที่เพิ่มขึ้นใหม่ คือ ขอความร่วมมือ กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ให้นำส่งกำไร ส่วนหนึ่งจากการกลั่นน้ำมัน เข้าสู่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล คาดว่าจะจัดเก็บได้ประมาณ 5-6 พันล้านบาท ต่อเดือน ซึ่งจะนำเข้าสู่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนการจัดเก็บค่าการกลั่นน้ำมันเบนซิน คาดว่าจะได้ 1 พันล้านบาท ต่อเดือน ส่วนนี้จะนำมาลด ราคาน้ำมันเบนซินให้กับผู้ใช้ทันที คาดว่าจะลดลงลิตรละ 1 บาทจากราคาปัจจุบัน
นอกจากนี้จะขอความร่วมมือโรงแยกก๊าซ แบ่งกำไรส่วนเกิน 50% เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเช่นกัน น่าจะจัดเก็บได้ 1,500 ล้านบาทต่อเดือน
ขณะเดียวกันกระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยว นอกเหนือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่รอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครม. โดยจะเสนอให้บริษัทเอกชน ที่นำพนักงานไปท่องเที่ยวในเมืองรอง สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ส่วนในเมืองหลักสามารถลดหย่อนได้ 1.5 เท่า
ขณะที่การจัดงานอีเวนท์ในต่างจังหวัด นิติบุคคลจะสามารถลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคมถึง 31 ธันวาคม 2565 และยังมีมาตรการที่จะขอให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน ซึ่งจะนำเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณาในที่ประชุมครม. สัปดาห์หน้า ที่ 21 มิถุนายน 2565