คัดลอก URL แล้ว
เสียงจากไรเดอร์! สะท้อนรายได้ สวนทางกับค่าครองชีพ

เสียงจากไรเดอร์! สะท้อนรายได้ สวนทางกับค่าครองชีพ

KEY :

“ไรเดอร์ ” ถือเป็นฟันเฟืองสําคัญที่ขาดไม่ได้ของธุรกิจแพลตฟอร์ม “ฟู้ดเดลิเวอรี่” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาชีพยอดฮิต ที่แจ้งเกิดในช่วงยุคโควิด-19 โดยไรเดอร์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้น แต่กลับกันแรงงานกลุ่มนี้ ในมุมของคุณภาพชีวิต การทำงาน สวัสดิการ และการกำกับดูแลจากกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ยังคงส่งเสียงสะท้อนออกมาเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราจึงเห็นการรวมตัวประท้วงของกลุ่มไรเดอร์อยู่เป็นระยะ เช่น การประกาศนัดหยุดงานในช่วงเวลาเร่งด่วน ร่วมถึงการประท้วงหน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัทฟู้ดเดลิเวอรีแห่งหนึ่ง

โดยทีมข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ประกอบอาชีพไรเดอร์ ถึงประเด็น ค่ารอบเพียงพอไหม? มีปัญหาอะไรบ้าง? กับแบรนด์ที่ทำอยู่ และค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น กระทบกับค่ารอบที่วิ่งได้มากน้อยเพียงใด

จากการสอบถามไรเดอร์ รายที่ 1 ระบุว่า เอาจริง ๆ หากมีงานต่อเนื่องค่ารอบก็พอ แต่จะมีปัญหาเรื่องเรื่องติดต่อเจ้าหน้าที่บริษัทยากมาก แล้วอีกปัญหาที่เจอตอนนี้ คือ งานวิ่งไกลมากด้วย เมื่อก่อนวิ่งรับงานประมาณ 1 กิโลเมตร เดี๋ยวนี้บางงาน 3 กิโลเมตรยังมีเลยครับ ส่วนค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมา ก็มีผลกระทบอย่างมาก เพราะปัจจุบันจักรยานยนต์ที่ใช้ เติมน้ำมันถัง 200 บาท ช่วงเช้าถึงเวลา 15.00 น. จะหมดถังแล้ว จากเมื่อก่อน เติมถังแค่ 150 บาท วิ่งงานได้จนถึงถึงเวลา 17.00 น. น้ำมันยังเหลือ 2-3 ขีดเลยครับ

ไรเดอร์ รายที่ 2 ระบุว่า ค่ารอบตอนนี้บอกเลยว่าไม่พอครับ และไม่พอมากด้วย เพราะปัจจุบันนี้ไรเดอร์มีจำนวนเพิ่มขึ้นเยอะมาก งานเลยมีน้อยลง ”หากผมจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็เหมือน คนมาวัดแล้วนำอาหารมาโยนลงบ่อปลาดุก ปลาต้องแย่งอาหารกันอยู่แล้ว เพื่อเอาชีวิตรอด อาชีพไรเดอร์ตอนนี้ก็เหมือนกันครับ ต้องเเย่งงานแบบปลาแหละครับ“ สำหรับปัญหากับแบรนด์ที่ทำอยู่ส่วนมากน่าจะเป็นเรื่องคอลเซ็นเตอร์ติดต่อยากมากครับ ส่วนเรื่องค่าน้ำมันที่ปรับราคาขึ้นอยู่เรื่อย ๆ มีผลกระทบสุด ๆ ครับเมื่อก่อนตนเองเติม 120 บาท วิ่งเต็มวันเลย เดี๋ยวนี้ ครึ่งวันก็จะหมดถังแล้ว ข้าวของเครื่องใช้แพงขึ้น รายได้ตนเท่าเดิม แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นมาก ๆ

ไรเดอร์ รายที่ 3 ระบุว่า ค่ารอบก็พออยู่ได้ครับ และตนเองทำงานกับแบรนด์นี้มานานมากจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแบรนด์นี้ค่ารอบเขาให้เยอะมาก ต่างจากเมื่อก่อนคนทำแบรนด์นี้มีไม่เยอะ แต่ปัจจุบันมีเยอะมาก เพราะใครก็อยากได้ค่ารอบเยอะ ๆ โดยตอนนี้ค่ารอบบวกให้งานละประมาณ 9-10 บาท ในช่วงเวลา 11.00 น. ถึงเวลา 13.00 น. และเวลา 17.00 น. ถึง 20.00 น. แต่เพิ่งปรับมาได้ไม่ถึง 2 เดือน แต่สำหรับค่าน้ำมัน หากเป็นเมื่อก่อน เติมเต็มถังประมาน 120-130 บาท สามารถวิ่งได้ทั้งวัน แต่ปัจจุบันเติมเต็มถังอยู่ที่ 180 บาท ทำให้ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มากขึ้น

ไรเดอร์ รายที่ 4 ระบุว่า ช่วงนี้ค่ารอบสำหรับตนก็ยังพอได้อยู่นะ แล้วแต่บางวัน บางวันได้น้อย บางวันได้เยอะ แต่ตนเองมาทำไรเดอร์เป็นอาชีพเสริม ส่วนมีปัญหากับแบรนด์นี้ ก็มีการปักหมุดในแผนที่ ไม่ค่อยตรง เช่นไปส่งของบ้านลูกค้า พอไปถึง หมุดอยู่หลังบ้านลูกค้าประมาณนั้นครับ เรื่องผลกระทบของค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น มีแน่นอนและเชื่อว่าไรเดอร์ทุกคนก็เป็นเหมือนกัน คือ เติมน้ำมันบ่อย งานมีน้อย บางวันตนอยู่จุดประจำรอนาน ๆ ไม่มีงานเด้งเข้ามา ต้องเปลี่ยนจุด ขับไปโดยไม่มีงานลูกค้าก็เปลืองน้ำมันอยู่แล้ว

ไรเดอร์ รายที่ 5 ระบุว่า ตนถูกปรับลดค่ารอบลงจริง บวกกับค่าน้ำมันที่แพงขึ้นตนเลยต้องวิ่งหลายรอบ ปกติออกทำงานเวลา 10.00 น. เลิกประมาณช่วง 18.00 น. ซึ่งเดี๋ยวนี้ต้องวิ่งถึง 20.00 น. กว่ารายได้จะได้พอใช้ จึงเหมือนทำโอทีทุกวัน

ไรเดอร์ รายที่ 6 ระบุว่า ตัวเองวิ่งอีกแบรนด์ซึ่งไม่ได้ปรับลดค่าวิ่งลง แต่ต้องไปเก็บเงินลูกค้าเพิ่มแทน ส่งผลให้มีลูกค้าน้อยลง เพราะลูกค้าหันไปใช้อีกแบรนด์ที่ถูกกว่า ตนเองก็ได้รับผลกระทบด้วย สุดท้ายหากไม่ไหวก็ต้องย้ายตามลูกค้า ไปเอาค่าวิ่งที่ถูกลงแต่ดีกว่าไม่ได้วิ่ง

ไรเดอร์ รายที่ 7 ระบุว่า นอกจากจะถูกปรับลดค่าวิ่งลง ลูกค้าก็ใช้น้อยลงด้วย แต่จำนวนคนขับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้คนหาอาชีพเสริมมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไรเดอร์บางส่วนยังได้ให้ความเห็นว่า ปัญหาที่หนักตอนนี้คือค่าน้ำมันที่แพงมาก รถจักรยานยนต์ที่ถูกมองว่าประหยัดกว่ารถยนต์ เอาเข้าจริงก็เจ็บเหมือนกัน วิ่งไกลไม่คุ้มแล้ว นอกจากนี้ยังต้องกดแย่งงานกัน กดยากขึ้นมาก ไม่รู้ว่าเพราะคนใช้น้อยลงหรือไม่


ภาพ – วิชาญ โพธิ / กฤติกร จิตติอร่ามกูล


ข่าวที่เกี่ยวข้อง