KEY
- น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เดินทางไปติดตามเรื่องคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทาง ทำให้ไม่สามารถต่ออายุหนังสือเดินทางได้
- หลังจากที่ได้ไปต่ออายุ และได้รับการปฏิเสธ ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่า มีคำสั่งการเพิกถอนหนังสือเดินทาง จากสน.พญาไท ที่ระบุว่าทั้ง 3 เป็นผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 116
- จึงได้เดินทางมาติดต่อในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาในคดีความ ยังไม่ได้มีคำสั่งศาลห้ามเดินทางไปต่างประเทศแต่อย่างใด
- ภายหลังผลการเจรจากับทางตำรวจระบุว่า แนวทางสำหรับทุกคนหากถูกกล่าวหาหรือแจ้งความดำเนินคดีอาญา เพื่อป้องกันมิให้ผู้ต้องหาหลบหนี
…
วันนี้ (21 เม.ย.65) ที่ สน.พญาไท น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เดินทางมาที่ สน.พญาไท เพื่อมาติดตามและสอบถามจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท หลังถูกกรมการกงศุลเพิกถอนหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ตของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และตนเอง โดยระบุว่าทั้ง 3 เป็นผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 116 โดยเจ้าหน้าที่กรมการกงสุลบอกว่า ให้ไปสอบถามไปที่ สน.พญาไท ถึงความจำเป็นของคำร้องในการเพิกถอนพาสปอร์ต
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางไปทำพาสปอร์ตที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน ห้างสรรพสินค้าเอ็มบีเค ปรากฏว่าไม่สามารถทำพาสปอร์ตได้ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้สอบถามไปยังฝ่ายตรวจสอบประวัติกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ น.ส.พรรณิกา จึงเดินทางไปยังกรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ เพื่อหาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไรถึงต่อไม่ได้
หลังการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ สรุปได้ว่า สน.พญาไท มีหนังสือ ที่ ตช 0015 (บก.น.1) 4/478 ลงวันที่ 19 เม.ย. 2564 เรื่องขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ ลงนามโดย พ.ต.ท.บารมี วงษ์อินตา รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน.พญาไท โดยระบุว่าทั้งสามคนเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จึงขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทาง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กรมการกงสุลไม่สามารถให้ดูหนังสือตัวเต็มได้ ให้ดูเฉพาะหัวหนังสือ และหัวเรื่อง โดยกรมการกงสุลระบุว่าจะเร่งทำหนังสือสอบถามกลับไปยัง สน.พญาไท ถึงความจำเป็นของคำร้องของ สน.พญาไท และหาก สน.พญาไท ยกเลิกหนังสือ กรมการกงสุลจึงจะสามารถออกหนังสือเดินทางให้ได้ตามปกติ จึงต้องการมาสอบถามสน.พญาไท ด้วยตัวเองว่าเหตุใดจึงมีคำสั่งเช่นนี้ ทั้งที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ ยังไม่มีคำสั่งศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และขอตั้งคำถามว่าการออกคำสั่งของ สน.พญาไท ถือเป็นการเลือกปฏิบัติกับคดีการเมืองที่มีต่อฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากนอกจากตน นายธนาธร และนายปิยบุตร ก็มีนักเคลื่อนไหว นักกิจกรรม เยาวชน อีกจำนวนมากกว่า300คน ที่ถูกเพิกถอนพาสปอร์ตในลักษณะเดียวกัน อีกครั้งถ้าหากคนที่ ถูกแจ้งความในคดีลักษณะนี้ จะถูกเพิกถอนและสิทธิเสรีภาพในการเดินทางจะยังมีอยู่หรือไม่
สำหรับคดีที่แกนนำคณะก้าวหน้าทั้งสามคนมีที่ สน.พญาไท คือ คดีที่นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธอิสระ ร้องทุกข์กล่าวโทษว่าทั้งสามคนกระทำผิดกฎหมายอาญา ตามมาตรา 116 จากการทำงานการเมืองในนามพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอัยการ รอฟังคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ โดยนัดหมายรอฟังคำสั่งเป็นวันที่ 19 พฤษภาคม 2565
จากนั้น น.ส.พรรณิกา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้ง หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้กำกับ สน.พญาไท ซึ่งได้เหตุผลว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหนังสือไปถึงกรมการกงสุล เพราะเป็นแนวทางปฎิบัติที่ทุกคนจะต้องได้รับหลังจากถูกคดีอาญา เพราะเกรงว่าจะหนีออกนอกประเทศ และเป็นการขอความร่วมมือจากกรมการกงสุลเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีอำนาจจะออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ให้ได้นั้น จะต้องเป็นอำนาจของอธิบดีกรมการกงสุล แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งเอกสารไปให้เพื่อที่จะให้นางสาวพรรณิกาสามารถทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้
ทั้งนี้ นางสาวพรรณิการ์ จะโทรไปสอบถามที่กรมการกงสุลอีกครั้งหนึ่ง ถึงการอนุญาตให้ทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่เว้นวรรค แต่หากทั้งนี้อธิบดีกรมการกงสุลไม่อนุมัติให้ทำพาสปอร์ต ตนก็มีช่องทางอื่นที่จะดำเนินการต่อคือการไปร้องต่อศาลปกครอง
ภาพ – ธนโชติ ธนวิกรานต์