KEY :
- ก่อนหน้านี้ทาง จ.สุรินทร์ ได้เสนอไปยังส่วนกลางทั้งกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. ในการเลื่อนพิจารณาเลื่อนยกเลิกโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่น
- ทางผู้ว่าราชจังหวัดสุรินทร์ ระบุ เนื่องจากยังมีข้อมูลการะบุผู้ป่วยระดับสีส้มและแดง ยังไม่ชัดเจน ไม่สามารถจำแนกได้
- ระบุพร้อมประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากอาจมีคลัสเตอร์เกิดใหม่ได้อีก
วานนี้ (30 มี.ค.65) นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ชี้แจงกรณีทาง จ.สุรินทร์ ได้เสนอไปยังส่วนกลางทั้งกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. ในการเลื่อนพิจารณาเลื่อนยกเลิกโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่น ออกไปก่อนนั้น สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางจังหวัดได้มีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อของ จ.สุรินทร์ ได้นำข้อมูลต่าง ๆ ภายในจังหวัดมาวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อส่งให้ทางกระทรวงสาธารณสุข
ปรากฏว่ายังมีข้อมูล 2 ประเด็น โดยเป็นข้อมูลจากทางสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจน คือในส่วนของการระบุผู้ป่วยโควิด-19 ในระดับสีส้ม และสีแดง ตามหลักฐานแล้วต้องอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ขณะนี้ทางจังหวัดมีผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 8% จากข้อมูลสถิติตรงนี้ทำให้ จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วยที่เกินเกณฑ์ที่ส่วนกลางกำหนดไว้ในการนำประกอบเป็นข้อมูลให้เป็นจังหวัดนำร่อง ยกเลิกโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นได้
เช่นเดียวกันกับอีกประเด็นคือ การฉีดวัคซีน ซึ่งยังมีประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 โดย คกก.โรคติดต่อจังหวัด จึงมองว่าหากประชาชนได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 มากขึ้น ก็จะลดอัตราการป่วยในระดับสีส้ม และแดงได้ นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยในประเด็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังว่าจะมีคลัสเตอร์ใหม่หรือไม่ ทางจังหวัดจึงได้พิจารณาแล้วว่าควรรอหลังช่วงดังกล่าว โดยจะได้ประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง
ยืนยันว่าหากจังหวัดมีความพร้อม ไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ ๆ รวมทั้งสามารถจำแนกผู้ป่วยระดับสีส้ม และแดง ได้ชัดเจน ตรงตามหลักเกณฑ์ของทางกระทรวงสาธารณสุข ที่จังหวัดก็พร้อมประชุมเพื่อจัดทำข้อมูลเสนอต่อส่วนกลาง เพื่อนำร่องให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น จังหวัดแรกของประเทศต่อไป