พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเยี่ยมตลาดสะพานขาวเมื่อวานนี้ว่า เมื่อพอมีเวลาตนก็อยากไปดูหน่อย ไปเยี่ยมเขา ไปให้กำลังใจ ก็ขอชื่นชม ตนก็ถามหลายเจ้าขายหมดหรือไม่ บางเจ้าก็เกือบหมด บางเจ้าก็ไม่หมด ตนก็ได้ถามว่าหากไม่หมดแล้วจะทำอย่างไรต่อ เมื่อไม่หมดก็แปรรูปไปทำอย่างอื่น หากขายไม่หมดอีกก็แจกคน
ตนฟังอย่างนี้แล้วชื่นใจ และขอบคุณจริงๆที่คิดได้แบบนี้ หลายคนก็บอกว่าลำบาก รายได้ลดลง การซื้อของต่างๆก็ลดลง ตนก็ได้ถามไปว่าเข้าใจหรือไม่ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ซึ่งแม่ค้าก็พอเข้าใจ และตนก็ได้แต่ให้กำลังใจ และพยายามทำอย่างเต็มที่ จริงๆแล้วตนทราบว่าทุกคนเดือดร้อน ทุดคนไม่มีความสุขหรอก แล้วตนเป็นนายกจะมีความสุขได้อย่างไร ทุกอย่างตนได้รับการรายงานมาตลอดเวลา 24 ชั่วโมง มีเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามาตลอด ทั้งรูปทั้งคลิปทั้งจากสื่อ ตนติดตามทุกวัน ตนรู้ว่าเดือดร้อนอะไรอย่างไร แต่ประเด็นสำคัญคือจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ที่จะไม่ส่งผลกระทบไปยังอย่างอื่นในระยะยาวอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณ การเงินการคลัง ความพอเพียง ความพอใจของประชาชนทั้งหมด ต้องมาหารือร่วมกัน ตนมีคณะทำงานอีกหลายคณะด้วยกัน กว่าจะออกอะไรมาแต่ละทีต้องมาถกแถลง ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ว่ามีผลต่ออนาคตอย่างไร หากสถานการณ์ยืดยาวไปมากกว่านี้ ทำอย่างไร จะหาเงินจากที่ไหน จะหามาได้อย่างไร ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ทำอย่างเต็มที่ ตนต้องขอขอบคุณประชาชน อย่างน้อยเข้าใจว่าปัญหาเกิดขึ้นจากอะไร
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาล พยายามทำอย่างเต็มที่ การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือว่าไม่เป็นที่พอใจของทุกคน ทุกภาคส่วน แต่แน่นอนว่าวิกฤตการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมา พร้อมกันในเวลานี้ แม้กระทั่งในประเทศไทย ใครเคยเจอบ้างสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์สู้รบสงครามรัสเซียยูเครนซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่ ในทุกมิติ ที่หลายประเทศมีความเชื่อมโยง อันนี้ต้องเข้าใจ ให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลตรงนี้ด้วย
โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนไม่เคยนิ่งดูดาย ในทุกๆงาน แล้วจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนอีก ให้โอกาสที่เหมาะสม ในหลายๆพื้นที่ตนก็อยากลงไปคุยกับเขา ให้กำลังใจเขา ถึงแม้ว่าใครจะชอบไม่ชอบ ตนก็ไม่ได้สนใจตรงนั้น แต่ต้องการจะไปเห็นหน้าเห็นตา เพราะที่ผ่านมาเห็นเพียงแต่ในสื่อในโซเชียล ในอะไรต่างๆมามากมายพอสมควร ยอมรับว่า มีทั้งคนที่พอใจ และไม่พอใจ ซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา จะให้ใครรักเราทุกคน เป็นไปไม่ได้ ขอให้เข้าใจว่า ความตั้งใจของตนนั้นคืออะไร พร้อมกับย้ำว่าตนจะพยายามทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน
ส่วนที่มีการมองว่าการลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน ตลาดสินพัฒนา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ เป็นการโฆษณาแฝงเพื่อหาเสียง พลเอกประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า ทำไมต้องมองหาเสียง ผมไปหาเสียงให้ใครเหรอ มันช่วงหาเสียงหรือเปล่า หาเสียงอะไร
เมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่า เป็นช่วงปี่กลองเตรียมเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า “เลือกตั้งอะไร กทม.เหรอ แล้วผมไปเลือกให้ใคร ไปพูดกับใคร ผมให้เครดิตใครเหรอ ถ้ามองอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่ไปก็ว่าผม ไปก็ว่าผมอีก ช่วงไหนไปได้ก็ไป คุณต้องคำนึงถึงการเป็นนายกในวันนี้ ประเทศไทยก็ไม่ใช่แบบนี้มาก่อนที่เวลาไปไหนก็มีกลุ่มนู้นกลุ่มนี้มาต่อต้าน มาด่ามาว่าอะไรต่างๆมันไม่เคยมี มันเริ่มมีตั้งแต่เมื่อไหร่ เคยเกิดขึ้นมาไหม แล้วเราจะให้มันเกิดขึ้นอีกหรือ”
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างว่าตนไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งการไปไหนอะไรก็ตาม ถ้ามีการแจ้งล่วงหน้าเมื่อไหร่ก็มีเรื่องทุกที ดังนั้นต้องรักษาโอกาสของตนหากไปได้ก็ไป รวมทั้งต้องรับฟังฝ่ายที่รับผิดชอบพื้นที่ที่ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยอะไรต่างๆ จึงต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าเหตุการณ์เหล่านี้น้อยลง เพราะสมัยก่อนมีมากกว่านี้ ตนเข้ามากี่ปีแล้วลดลงไปหรือไม่ ซึ่งลดลงไป เพราะไม่ต้องการให้คนแต่ละฝ่ายมาตีกัน หรือมาด่ากันต่อหน้าต่อตามาว่ากันไปมา นี่ไม่ใช่คุณลักษณะของคนไทยเลย ทำให้ประเทศหมดเสน่ห์ ความขัดแย้งมันได้อะไรขึ้นมา ผมอยากจะรู้ตรงนี้เท่านั้นเอง มีแต่คนบางคนก็หวังว่าจะชนะ ถ้าชนะแล้วมีความขัดแย้งจะได้ประโยชน์อะไร ผมถามจะรักษาชัยชนะได้ไหม ถ้าทำแล้วชนะ แต่ความสงบไม่เรียบร้อยไม่เกิดขึ้น ผมก็มีหน้าที่ของผมตรงนี้ในการทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ย้อนกลับไปแต่ 8 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นอะไรมันเกิดขึ้น
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้หลายโครงการที่อนุมัติลงไปเน้นลงพื้นที่ไม่ว่าเป็นพื้นที่ของใครก็ตาม ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วนหรือถ้าประชาชนต้องการก็ทำให้ ตนไม่เคยเลือก นี่คือตนและรัฐบาลนี้ ดังนั้นไม่ใช่มองอะไรเป็นการหาเสียงไปหมด ทำงานก็คือทำงานบริหารก็คือบริหาร ขอให้แยกแยะด้วยไม่เช่นนั้นก็ไม่เข้าใจกันไปเรื่อย บิดเบือนกันไปมาแล้วได้ประโยชน์อะไร แบ่งคนออกเป็นฝ่ายๆ แล้วจะอยู่กันอย่างไรในวันข้างหน้า ซึ่งใครจะอยู่ตนยังไม่ทราบ แต่ต้องการให้ประเทศชาติมีความรักความสามัคคีแค่นั้นเอง
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันรับสมัคร ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. นายกรัฐมนตรีจะฝากอะไรไปยังกองเชียร์หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่าเขาคงไม่ได้มาเชียร์ตน คงมาเชียร์คนรับสมัครเลือกตั้งใช่หรือไม่ ต้องใช้สติ ทั้งปัญญา ในการใคร่ครวญ ว่าการเลือกใครอะไรต่างๆก็ตาม สิ่งสำคัญคือคนที่จะเข้ามารับ หน้าที่เหล่านี้ เป็นคนที่มีคุณภาพหรือไม่ เป็นคนที่เป็นแบบอย่างกับสังคมหรือไม่ หรือเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีหรือไม่
ยอมรับว่าทุกคนมีความสามารถเข้าเกณฑ์หมด อย่างที่ตนเคยกล่าวมาแล้วว่าการคิด และการพูด ฟังดูแล้วดูดี ถ้าเทียบกับที่ตนพูด หลายคนว่าตนพูดได้ไม่ดี แต่ตนอยากรู้ว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่คิดทำได้จริงหรือไม่ และสิ่งที่เขาทำมาจนถึงวันนี้อยู่ตรงไหน เพราะฉะนั้นถ้าจะทำ จะหาเสียง ลองถามต่อไปสิว่า แล้วของเดิมที่เขาทำมาแล้วมีอะไรบ้างเขารู้หรือยัง แล้วเขาจะทำอะไรต่อตรงนั้น ถ้ารื้อทิ้งทั้งหมด ตนขอถามว่า จะไปได้อย่างไร เหมือนตึกเหมือนต้นไม้ที่มีรากฐาน โตขึ้นมาเป็นต้นไม้ มีดอกมีผลมีลูกมีหลาน ออกมาเจริญเติบโต มาจากไหนมาจากรากฐาน มาจากพ่อแม่ ตนไม่อยากให้ทุกคนลืมตรงนี้ คือลืมรากเหง้าของตนเอง ลืมรากเหง้าของคนไทย ไม่เช่นนั้นอยู่ไม่ได้หรอกก็ต้องล้มตาย สังคมก็ล่ม อะไรก็ลงไปหมด เราต้องการแบบนั้นหรือ
ตนพยายามทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีคนโจมตี ว่าอะไรต่างๆจนก็ไม่โกรธ ไปโกรธไม่ได้หรอก เพราะผมทำให้เขาถูกใจไม่ได้ทั้งหมด แต่จำเป็นต้องทำเพื่อคนส่วนใหญ่ให้มากที่สุด ก็ถ้ามีโอกาสก็ทำต่อไป ไม่มีโอกาสก็กลับบ้านนอน เท่านั้นเอง และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ใครได้ตำแหน่ง ไปได้อะไรขึ้นมาก็ตาม ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ขอให้ทำให้สำเร็จเถิด แล้วเข้ามาแก้ปัญหา ที่ตนเจอมาเป็นร้อยเรื่องและพยายามแก้มา แกให้ได้จริงๆก็แล้วกันเพราะฉะนั้นตนของฝากไปยังประชาชน เราต้องเลือกนักปฏิบัติ ที่ทำงานได้จริงได้สำเร็จ มีผลงานปรากฏ ไม่ว่าจะอาชีพใดก็แล้วแต่ ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน 1 สิทธิ์ 1 เสียงอยู่แล้ว อย่าเอาตนไปยุ่งเกี่ยวเลย