คัดลอก URL แล้ว
“บิ๊กตู่” ลั่น ยุบสภาฯเป็นเรื่องนายกฯ ป้อง “บิ๊กป้อม” พูดในมุมส่วนตัว ชี้มีคำตอบในใจ ยุบสภาฯตอนไหนทำไมต้องบอก

“บิ๊กตู่” ลั่น ยุบสภาฯเป็นเรื่องนายกฯ ป้อง “บิ๊กป้อม” พูดในมุมส่วนตัว ชี้มีคำตอบในใจ ยุบสภาฯตอนไหนทำไมต้องบอก

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณีที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีการพูดคุยกลางวงร่วมรับประทานอาหารกับพรรคเล็กที่มูลนิธิป่ารอยต่อถึงการยุบสภาหลังการประชุมเอเปค ว่า ก็เป็นเรื่องของพลเอกประวิตร ที่จะพูด ซึ่งพลเอกประวิตรได้บอกตนแล้ว และ พลเอกประวิตร ก็ได้พูดในมุมมองของตนเอง แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีตั้งใจจะอยู่ครบเทอมหรือไม่นั้น พลประยุทธ์ ระบุว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่ต้องตัดสินใจ ซึ่งตนขอเก็บไว้ก่อน พร้อมย้ำว่าเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีจะบอกก่อนทำไม และทำไมต้องรีบบอก

นอกจากนี้พอถามย้ำว่า แสดงว่านายกรัฐมนตรีมีอยู่ในใจแล้วใช่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดทั้งหมด ตนอยากให้ทุกคนได้คำนึงว่า วันนี้อะไรสำคัญกว่าอะไร ประเทศชาติมีปัญหาสำคัญ ประชาชนมีความเดือดร้อนสำคัญหรือไม่ ซึ่งจะสำคัญกว่าอย่างอื่นหรือไม่ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เมื่อไหร่ก็ตามที่ประเทศไทย เข้าสู่สภาวะที่ไม่ปกติ คนไทยทุกคนจะรวมพลังกันในการที่จะต่อสู้เอาชนะมัน จนอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้ วันนี้เราจะแตกแยกกันไปถึงไหน ปัญหาอะไรที่สามารถลดลงไปได้ ก็ขอให้ลดลงกันบ้าง ตนขอร้อง และตนขอได้แค่นั้น

ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนหลังการประชุมเอเปคหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าตนยังไม่ทราบ เพราะยังไปไม่ถึงตรงโน้น ตอนนี้กำลังดูถึงเรื่องการประชุมอื่นๆต่อเนื่องไปยังการประชุมเอเปค จะต้องดูว่าจะประชุมได้หรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

อีกทั้งพอถามว่าจะมีการนัดร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 17 มีนาคม 65 จะมีนัยยะอะไรหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มี เป็นการพูดคุยและเจอกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ความเป็นจริงนั้นตนพูดคุยกับเขาอยู่แล้ว และเจอหลายครั้งในสภาฯ วันนี้เรามาร่วมแรงร่วมใจกัน ทำเพื่อประเทศชาติดีกว่า อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง พร้อมย้ำว่าไม่มีอะไรเป็นประเด็น ส่วนเรื่องความไม่รักไม่สามัคคีคงไม่ใช่ตนให้เกียรติเสมอ หากตนเจอและผู้นั้นอาวุโสน้อยกว่าตน เขาก็สวัสดีตน แต่หากเขาอายุมากกว่า ตนก็จะสวัสดีเขา พร้อมกับระบุว่าตนไม่เคยคิดว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะสุดยอดเสียเมื่อไร

เมื่อถามต่อว่าไม่มีเรื่องของความน้อยอกน้อยใจกันใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า คนเรามันต้องหัวใจใหญ่ ทำตัวให้หัวใจใหญ่ ไม่ใช่หัวใจเล็ก ต้องเป็นหัวใจที่รู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน ให้อภัยกัน สำหรับคนที่ควรให้อภัย

และเมื่อถามว่าระหว่างนี้การเมืองจะเป็นอุปสรรคในการทำงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ให้ไปถามฝ่ายการเมือง ตนอยู่ฝ่ายบริหาร ส่วนเรื่องการใช้เสียงในสภาจะทำให้รัฐบาลยังมีเสถียรภาพหรือไม่ ก็แล้วแต่เสียงในสภา ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคิดว่าทำไปแล้วประเทศชาติจะดีขึ้น ก็แล้วแต่เขา

ในส่วนของการทำงานของคณะรัฐมนตรี จะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่นั้นนายกรัฐมนตรีระบุว่า ตนก็พูดคุยกับทุกคน นอกจากการประชุมคณะรัฐมนตรี ทุกวันมีการติดต่อกันโดยตรง มีการส่งไลน์พูดคุยกัน ในเรื่องต่างๆ ว่าจะไปดูแลได้หรือไม่ รับไปดูแลได้หรือไม่ ซึ่งก็มีการตอบกลับมาว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ไม่ใช่เจอกันอาทิตย์ละครั้ง แต่เจอกันทุกวันทุกกระทรวง เมื่อมีเรื่องมาตนก็ส่งไป ว่าพี่ไปทำเรื่องนี้หน่อยนะหรือไปช่วยดูตรงนี้หน่อยนะ อะไรที่ตนแนะนำได้ เพราะตนอยู่ข้างบน และเรื่องเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ก็ได้มีการให้แต่ละกระทรวงดำเนินการต่อได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องทำงาน และบริหารเช่นนี้

ส่วนจะมีการปรับภาพหรือเสริมทัพหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มี ไม่มีการปรับอะไรทั้งนั้น

ขณะที่ พลเอกประวิตรได้ถามในวงรับประทานอาหารร่วมกับพรรคเล็กว่ามีแผนล้มนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า ” ก็ให้มาล้มเถอะ ใครจะล้มก็ล้มไป ตนไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ตนคิดว่าทุกคนมีวุฒิภาวะที่ดีเพียงพอ และตนให้เกียรติเขาทุกคน และตนขอถามว่าจะเกิดประโยชน์กับใคร วันนี้ตนทำงานมาเท่าไหร่ อะไรสำเร็จบ้าง ไปเทียบดู ไปเทียบมาเลย 7-8 ปีที่ผ่านมา ขอให้ไปเทียบผลงานมาเลย และให้ประชาชนไปแยกแยะเอาเอง”

ส่วนจะถือว่าการร่วมรับประทานอาหารพรรคเล็กจะเป็นการรับฟังเสียงของประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวอย่างเดียว

ส่วนเมื่อถามย้ำว่าการที่พลเอกประวิตรออกมาพูดจะเป็นการส่งสัญญาณอะไรทางการเมืองหรือไม่นั้น พลเอกประยุทธ์ ย้ำว่า ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวผิดด้วยหรือ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง