เรื่องนี้กับเป็นกระแสขึ้นมาอีกครั้ง หลังนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ออกมาแฉถึงความผิดปกติของเหตุการณ์ที่นางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ตกเรือสปีดโบ๊ทกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิตว่า เรื่องนี้ไม่เชื่อว่า แตงโมจะไปปัสสาวะท้ายเรือจนพลัดตกน้ำเสียชีวิต และเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากมากที่ดาราสาวสวยมีชื่อเสียงจะทำแบบนี้ เพราะข้อสงสัยคือ การเข้าเทียบท่า เพื่อเข้าห้องน้ำสามารถทำได้ง่ายกว่า เพราะไม่ใช่เรือรับจ้างทั่วไป
และเชื่อว่าการทำคดีของตำรวจในคดีนี้ก็เป็นไปตามการสั่งการคนระดับบิ๊กอีกคนหนึ่ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่รออยู่ในโรงแรมริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง เพราะเรื่องนี้จะเข้ามาเกี่ยวโยงหรือเกี่ยวพันกับระดับบิ๊กคนนี้ไม่ได้ การสืบสวน-สอบสวนในคดีนี้ จึงมีความล่าช้าและไม่ปกติหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการไม่อายัดเรือไว้ตั้งแต่แรกหลังจากเกิดอุบัติเหตุ /การสอบสวนพยาน หรือ การรวบรวมพยานหลักฐาน ที่แม้แต่คนนอกโดยทั่วไปมองเห็น แต่ตำรวจกลับไม่พบพิรุธ
จึงคาดว่าในตอนแรกผู้สั่งการอาจต้องการวางแนวทางให้คดีนี้ จบลงด้วยการที่แตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือแล้วพลัดตกน้ำลงไปเอง แต่ด้วยข้อพิรุธหลายอย่างที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผุดออกมาทุกวัน ทำให้กระแสสังคมให้ความสนใจ และกดดันให้ตำรวจต้องคลี่คลายคดีให้กระจ่าง รูปการของคดีในตอนนี้ให้เร็วที่สุด จึงออกมาในรูปของ “การขับเรือด้วยความประมาท ความเร็ว ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
แต่ทั้งที่ความจริงแล้ว สิ่งที่ นายสันธนะ สันนิษฐานไว้ 2 ประเด็นหลัก และตำรวจไม่ควรตัดทิ้งเลย คือ 1.แตงโมกระโดดลงจากเรือมาเอง เพื่อจะว่ายน้ำเข้าฝั่ง หนีเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นขณะที่อยู่บนเรือ 2.อาจจะมีใครผลักหรือทำให้แตงโมตกน้ำหรือไม่ ซึ่ง 2 ประเด็นนี้ ตำรวจควรรวบรวมพยานหลักฐานหาคำตอบในส่วนนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะคำให้การของ 5 คนบนเรือ ที่บอกเพียงว่า “แตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือแล้วพลัดตกเรือเองเท่านั้น”
นายสันธนะ ยังแฉเพิ่มถึง ผู้สั่งการที่ทำให้คดีแตงโมมาในแนวทางนี้ ก็คือ ตัวละครลับ “ระดับบิ๊ก” ที่มีอำนาจมากพอและกว้างขวาง ซึ่งรออยู่ที่โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าแม่ยา ที่รออยู่ว่าเมื่อไหร่ที่เรือลำนี้จะเข้าเทียบท่า แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเสียก่อน เพราะเหตุการณ์บนเรือไม่ได้ราบรื่น และแตงโมก็ไม่ได้โอเคกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นายสันธนะ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนมองไกลไปกว่านั้นว่า เมื่อถึงชั้นศาล ผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งข้อหาในคดีนี้ ที่มีความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อาจจะมีการยกฟ้องไม่ถูกดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าจะมีการต่อสู้ในชั้นศาลได้ง่าย อาจจะเหลือเพียงความผิดลหุโทษเท่านั้น เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับเรือ ซึ่งก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายตามที่ผู้สั่งการบงการอยู่เบื้องหลังไว้แล้ว
ดังนั้น คงต้องจับตาดูกันต่อไปครับว่า คดีนี้ ผลสรุปรูปคดีจะออกมาตามที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ออกมาเปิดปมสันนิษฐานไว้หรือไม่