คัดลอก URL แล้ว
ทำเหมือนไม่มีวิกฤตเกิดขึ้น! “พิธา” ชี้ ปชช.เบื่อหน่ายรัฐบาล หลังภาวะของเเพงทั้งเเผ่นดิน

ทำเหมือนไม่มีวิกฤตเกิดขึ้น! “พิธา” ชี้ ปชช.เบื่อหน่ายรัฐบาล หลังภาวะของเเพงทั้งเเผ่นดิน

วันนี้ 19 มกราคม 2565 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ก่อนอื่น ตนขอเเสดงความยินดีกับ นพ.ชลน่าน ศรีเเก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ และสำหรับการอภิปรายแบบไม่ลงมติต่อรัฐบาลในมาตรา 152 เป็นการตั้งคำถามไปยังรัฐบาลและเสนอเเนะให้รัฐบาลเปลี่ยนการทำงานจากเชิงรับเป็นเชิงรุกให้ได้ในช่วงที่เป็นรอยต่อของเศรษฐกิจแบบนี้

จากการที่มีปัญหาโควิด เเละก็เศรษฐกิจปิด -เปิด – ปิด ทำให้เกิด Supply shock เกิดการชะงักตัวทางเศรษฐกิจ ถ้าหากรัฐบาลไม่เปลี่ยนวิธีคิด การแก้ไขปัญหาจะทำได้ยาก ในภาวะวิกฤตของเเพงค่าเเรงต่ำ โดยค่าแรง 5 ปีที่ผ่านมาจาก 308 บาท เพิ่มมาเป็น 330 บาท ขึ้นมาแค่ 20 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี แต่ราคาหมูจาก 160 บาท เพิ่มเป็น 220 บาท เเค่ภายในไม่กี่วัน

พิธา กล่าวต่อว่า “ในขณะที่ประชาชนกำลังลำบากกับของเเพงทั้งแผ่นดิน เเต่เงินเฟ้อ 1% กว่ามันสะท้อนการบริหารงานของรัฐบาลที่ย่ำเเย่ มันไม่ไม่สามารถไปข้างหน้าได้ เพราะการบริหารเเบบเช้าชามเย็นชาม มันไม่ได้ส่งสัญาณหรือเตรียมพร้อมว่าวิกฤติกำลังจะมา ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนขณะนี้เราต้องทำการดับปัญหา เพื่อให้ประเทศไปข้างหน้าให้ได้ ถึงเวลาเราต้องทำการรื้อตะกร้าเงินเฟ้อ คำนวนราคาสินค้าให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

ยกตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา ในช่วงที่เงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี รัฐบาลเขาตื่นตัว สื่อมวลชนเขาตื่นตัว ส.ส.ก็ตื่นตัว ว่าแก้ไขปัญหาอย่างไร แต่ผิดกับประเทศไทยของเราที่ทำเหมือนไม่มีวิกฤตเกิดขึ้น ดังนั้น การรื้อตะกร้าเงินเฟ้อคำนวนราคาสินค้าจึงมีความจำเป็น ยกตัวอย่าง เกาหลีใต้นำเข้าอุปทานอาหาร เพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ 200,000 ตัน ก่อนช่วงตรุษจีนที่จะมาถึง และกรณีสิงคโปร์ เเถลงความร่วมมือกับ 6 ประเทศ ในเรื่องความมั่นคงทางอาหารการนำเข้าซึ่งกันเเละกัน ทำให้การนำเข้าแบบฉุกเฉิน ( Emergency Import ) ที่สามารถวางเเผนคิดล่วงหน้า จึงแก้ปัญหาได้ง่าย

แต่ถ้าหากปล่อยให้หมูหายไปในอุตสาหกรรมกว่า 40% จะเเก้ได้ยากมาก ผมคิดว่ารัฐบาลต้องคำนึงถึงปัญหาทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านเงินเฟ้อที่มีความสำคัญต่อการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยผมจะใช้โอกาสนี้ในการตั้งคำถามในการบริหารประเทศในยุคศตวรรษที่ 21 ยุคที่มีความปั่นป่วนเเละรอยต่อของเศษฐกิจในขณะนี้” พิธา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเเถลงข่าวของพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันนี้ เป็นการสรุปประเด็นสำคัญหลังจากการประชุม โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติเตรียมยื่นญัติทั่วไป เปิดอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่จะสอบถามข้อเท็จจริงกับทางรัฐบาล เเละคณะรัฐมนตรี โดยสรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้

ประเด็นแรก การยื่นญัตตินี้ จะเป็นการเสนอชื่อร่วมกัน เป็นญัตติเดียวในนามพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประเด็นที่สอง เนื้อหาสาระที่จะเสนอเเนะ ที่ประชุมมีความเห็นตรงกัน ในประเด็นเรื่อง 1.เศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ในภาวะสินค้าเเพงทั้งแผ่นดิน 2.ในเรื่องการเเพร่ระบาดของโควิดที่ระบาดในคนเเละโรคระบาด ASF ในสุกร 3.ภาวะวิกฤติด้านการเมือง กระจายอำนาจไม่เป็นธรรม 4.ประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง ที่เป็นปัญหาที่กระทบชีวิตประชาชน อาทิ ด้านสิ่งเเวดล้อม , คอร์รัปชั่น, เหมืองทองอัครา, ปัญหาพี่น้องชาวประมง ซึ่งประเด็นรายละเอียดจะให้สิทธิพรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอเป็นรายประเด็นไป

ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมยื่นญัตติในวันศุกร์ ที่ 21 มกราคม นี้ ให้กับฝ่ายกฎหมายของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในส่วนของการอภิปราย สภาใช้เวลาตรวจสอบญัติ 7 วัน เเละจะบรรจุเข้าสู่วาระประชุมต่อไป ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านเองต้องการอภิปรายกลางเดือนกุมภาพันธ์ เเละกรอบเวลาจะเสนอหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง