จากกรณี ที่มีผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่ง ได้นำคลิป การสอนระบบออนไลน์ของครูท่านหนึ่งมาโพสต์เฟซบุ๊ก โดยในคลิปครูกำลังใช้คำพูดตำหนิเด็กนักเรียนที่กำลังเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน แต่เป็นคำพูดที่หยาบคาย ผู้ปกครองฟังแล้วไม่พอใจ จึงได้ถ่ายคลิปเอาไว้แล้วนำมาโพสต์ ตั้งคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา ระหว่างที่เด็กนักเรียนกำลังเช็กชื่อเข้าเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของชั้น ม.6 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ของจังหวัดนครนายก
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้ปกครองคนดังกล่าว ซึ่งเธอและผู้ปกครองคนอื่นๆ อีก 3-4 คน ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะไม่ต้องการให้ครูคนดังกล่าวสอนอยู่ในโรงเรียนนี้ต่อไป จากนี้จะได้รวมตัวผู้ปกครองล่ารายชื่อแล้วทำหนังสือยื่นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อพิจารณาลงโทษ
ขณะที่ ผู้อำนวยการโรงเรียน บอกว่า หลังทราบข่าว ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากจะขอโทษทั้งนักเรียนและผู้ปกครองทุกคน พร้อมกับได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ครูคนดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันศุกร์และจะรู้คำตอบภายใน 7 วัน
ขณะที่ครูที่ปรากฎในคลิป ชี้แจงว่า วันดังกล่าวต้องมีเด็ก เข้าเรียนทั้งหมด 35 คน แต่เข้าเรียนเพียง 9 คน จึงเริ่มไม่พอใจ แต่ก็พยายามสอนต่อไป จนครูได้เรียกชื่อ นักเรียนคนหนึ่ง แต่ไม่มีการตอบกลับ เนื่องจากเด็กได้ตั้งโทรศัพท์ไว้ แต่ตัวไม่ได้อยู่เรียน จึงเริ่มมีอารมณ์โมโหมากขึ้น จึงได้ต่อว่านักเรียนออกไป
แต่หลังจากหมดคาบเรียนได้พูดคุยกับนักเรียน และต่างฝ่ายต่างขอโทษกันแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมีผู้ปกครองถ่ายคลิปมาลง โซเชียล ซึ่งได้ขอโทษผู้ปกครองทางกลุ่มไลน์และได้ขอให้ ลบคลิปออก แต่ทางผู้ปกครองไม่ลบ จึงได้มีการเตือนไปว่า จะเอาผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เนื่องจากทำให้โรงเรียนเสียหาย แต่ไม่ได้คิดที่จะดำเนินการจริงๆ และขอน้อมรับ ในความผิด
ขณะที่นักเรียน ที่อยู่ในการเรียนออนไลน์วันนั้น บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครูไม่ได้ตั้งใจที่จะด่านักเรียนให้มันแรงขนาดนั้น เพราะปกติครูเป็นคนที่ร่าเริง พูดจาดี มาตลอด แต่วันนั้นครูพูดแรงไป ส่วนตัวคิดว่า เป็นความผิดร่วมกันรวมถึงตัวนักเรียนด้วย ดังนั้นเมื่อครูยอมรับผิดแล้ว ทำไมนักเรียนไม่ลองเปิดใจมองดูตัวเองว่าตนเองเป็นแบบที่คุณครูพูดหรือไม่