วันที่ 8 มกราคม 2565 ว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความกลุ่มทนายใจดี พร้อมด้วยนางสาวจุฑาวรรณ โช อายุ 28 ปี และ นายเคยัน โช อายุ 35 ปี สองสามีภรรยา เดินทางมายัง สน.สายไหม เพื่อติดตามคดี พร้อมนำหลักฐานมอบให้กับพนักงานสอบสวน หลังถูกนายพิสิฐ หรือ วิทยากร ทองเสน อายุ 60 ปี อดีต ส.จ.กาฬสินธุ์ และ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย และนางสาวพิชญา ทองเสน หลอกลวงให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจแก๊สหุงต้ม และ ร้านของชำ ที่ สปป.ลาว มูลค่าความเสียหาย 1,450,000 บาท
นางสาวจุฑาวรรณ เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับนางสาวพิชญา ได้พูดคุยสอบถามกันเรื่องธุรกิจ แก๊สและการร่วมลงทุนกันอยู่ประมาณ 1 เดือนจากนั้นได้มีการแนะนำให้รู้จักกับนายวิทยากร ได้พูดคุยกันเรื่องธุรกิจแก๊สซึ่งมีผลกำไรดี เขาสร้างความน่าเชื่อถือจากภาพและเอกสารที่เขานำมาแสดง จึงตัดสินใจร่วมลงทุนในธุรกิจแก๊ส นอกจากนี้ยังร่วมลงทุนในร้านค้าขายของชำ ซึ่งเป็นการลงทุนในครั้งเดี๋ยว โดยได้ทยอยโอนเงินไป 6 ครั้ง รวมจำนวนเงิน 1,450,000 บาท ทั้งนี้การร่วมลงทุนจะปันผลให้ 10% ในตอนนั้นได้ทักท้วงไปว่า 10% เยอะไปทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งเขายืนยันว่าจะเป็นผู้ดำเนินการและรับผิดชอบให้ หลังร่วมลงเงินไปแล้วเขาได้ส่งภาพกลับมาให้ดูเพียงครั้งเดียว และไม่ได้มีการปันผลตามที่แจ้งไว้ จึงได้มีการทวงถามและได้บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด และได้นัดหมายกันในเดือนสิงหาคม ปรากฎว่าเขาเงียบหายไปอีก จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ
นางสาวจุฑาวรรณ ได้ขอให้สื่อมวลชนช่วยติดตามความคืบหน้าในคดีดังกล่าวให้ด้วย หวั่นตนและสามีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ถูกกล่าวหา มักอ้างกับตนเสมอว่า ยังคงทำงานให้พรรคแห่งหนึ่งอยู่ และมีผู้หลักผู้ใหญ่ให้ความเมตตาคอยช่วยเหลือตลอด ไม่หวั่น หากต้องถูกดำเนินคดี จึงอยากให้สื่อตรวจสอบไปยังพรรคดังกล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหา ยังคง เป็นสมาชิกพรรค และทำงานให้กับพรรคจริงหรือไม่
ว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ เปิดเผยว่า คดีเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 63 ได้เข้าแจ้งความครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2564 ซึ่งคดีนี้ล่วงเลยมาแล้วเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ประกอบกับพนักงานสอบสวนอ้างว่า ได้ออกหมายเรียกไปยัง นายวิทยากร แต่ยังไม่มีการตอบรับ ซึ่งทีมทนายได้ตรวจสอบประวัติของนายวิทยากร พบเคยมีคดีติดตัวมาแล้ว 2 คดี คือ เมื่อปี 2558 มีโทษจำคุก ความผิดตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวและฉ้อโกง และ ปี 2563 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” หลอกสั่งซื้อไวน์ในสต๊อกมีผู้เสียหายมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 คดี เป็นคดีฉ้อโกงทั้งสิ้น ตนจึงเกรงว่า นายวิทยากร ที่อ้างว่ายังคงทำงานให้กับพรรคแห่งหนึ่งจะมีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุนให้การช่วยเหลือ จึงเกรงว่าผู้เสียหายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ เปิดเผยอีกว่า ในฐานะทนายความเมื่อผู้เสียหายเกิดความไม่ไว้วางใจ และเคลือบแคลงสงสัยในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ตนจึงได้ทำหนังสือถึง ผกก. สน.สายไหม ขอทราบความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่าขณะนี้มีการออกหมายเรียก นายวิทยากรจริงหรือไม่ พร้อมทั้งขอให้ดำเนินการตรวจสอบกับกรมการค้าภายใน เรื่องการจดทะเบียนบริษัทประกอบธุรกิจแก๊สหุงต้มที่ต่างประเทศ ตามที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นประธานบริษัทจริงหรือไม่ ซึ่งจะให้เวลาเจ้าหน้าที่ ทำงานในการตรวจสอบเป็นเวลา 7 วันหากยังไม่มีความคืบหน้าทางผู้เสียหายจะเดินทางไปร้องเรียนที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อติดตามคดีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหา มีคดีติดตัวมาแล้วถึง 2 คดี เข้าข่าย 2 ข้อหาคือ คดีฉ้อโกง และ กู้ยืมเงิน มีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายจับได้ทันที