ทีมข่าวสำรวจบรรยากาศตลาดเทศบาลนครตรัง พบว่า กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าหมูย่าง และหมูสด หลายร้านต่างปิดร้านชั่วคราว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่บางร้านยังขายปกติ เพราะมียอดสั่งซื้ออยู่ แต่จะมีการลดปริมาณ หมูลง และมีการขายตามออเดอร์เท่านั้นอย่างที่ ร้านตรังหมูย่าง ของนาย ประเสริฐ น้ำผุด อายุ 57 ปี เจ้าของร้าน ได้คำนวณราคาต้นทุนหมูที่ใช้ในร้านให้ผู้สื่อข่าวดู ให้เห็นเลยว่า ตอนนี้ต้นทุนในการขายสูงขึ้นมาก เหลือกำไร ตัวหนึ่งแค่ 300 กว่าบาทเท่านั้น ซึ่งมันไม่คุ้มกับต้นทุนที่ ต้องจ่าย ทั้งค่าแรง ค่าน้ำค่าไฟ อื่นๆ อีกจิปาถะ
พร้อมยอมรับว่า ราคาหมูที่สูงขึ้นมีผลกระทบเยอะมาก จนแทบจะสู้ราคา ไม่ไหว หลายร้านต้องหยุดขายเพราะสู้ต้นทุนไม่ได้ แต่ด้วยอาชีพนี้ที่ทำมานาน หากหยุดครอบครัวและลูกน้องก็ไม่มีรายได้ จึงจำเป็นต้องขายราคานี้ไปก่อน คือ 1 กิโลกรัม 500 บาท ครึ่งกิโลกรัม 250 บาท เพราะช่วงปีใหม่ ก็มีลูกค้าต่างจังหวัดมาซื้อ
จึงอยากฝากทางรัฐบาลให้ควบคุมราคาหมูให้อยู่ในวงจร ในราคาที่ไมกระทบต่อผู้บริโภคมาก ด้านนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ บอกว่า ราคาหมูจะสูงขึ้นไปจนถึงช่วงตรุษจีน และอาจ ลากยาวไปถึงสงกรานต์ เพราะขณะนี้ ไม่มีพ่อแม่พันธุ์ และหมูที่เลี้ยงในฟาร์มตายไปจำนวนมากจากโรคระบาด ทำให้หมูขาดตลาด ส่วนการเพิ่มพ่อแม่พันธุ์ ไม่มีผลต่อราคาในช่วงนี้ เพราะต้องใช้เวลาในการเลี้ยงสักพัก นอกจากนี้ ยังขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรที่เลี้ยงหมูด้วย เพราะนายกรัฐมนตรี ประกาศว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ให้สำเร็จ
ขณะที่ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้เสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาแนวทางแก้ปัญหาเนื้อหมูมีราคาแพง โดยแนวทางหนึ่งคือ เสนอให้กระทรวงพาณิชย์ ระงับการส่งออกหมู เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหมูในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปรับลดลงทันที ส่วนกระทรวงเกษตรฯ จะส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยและรายเล็ก ที่หยุดเลี้ยงกลับมาเลี้ยงใหม่ โดยจะขอความร่วมมือผู้เลี้ยงรายกลางและรายใหญ่ ผลิตลูกหมูป้อนให้ รายย่อยและรายเล็ก รวมทั้งจะมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ซึ่งมีวงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้จัดการฟาร์มให้ปลอดจากโรคระบาด
