โครงการคนละครึ่งเป็นมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ดูจะเห็นผลมากที่สุด หลังสำนักงานเศรษฐกิจการคลังสรุปยอดการใช้จ่ายเมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายและบรรเทาค่าครองชีพที่น่าจะประสบความสำเร็จมากที่สุด
โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม กว่า 202,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 88 จากยอดใช้จ่ายสะสมรวม 4 โครงการทั้งคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และยิ่งใช้ยิ่งได้ที่รวมเป็นเงินใช้จ่ายกว่า 250,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ได้รับความสนใจน้อยที่สุด คือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จากเป้าหมายรัฐบาล 4 ล้านคน จะใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ถึง 3 แสนล้านบาท แต่กลับมีผู้ใช้สิทธิ์จริงไม่ถึง 92,000 คน ยอดใช้จ่ายสะสมเพียง 3,827.4 ล้านบาท
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า กระทรวงการคลังจะนำผลการดำเนินโครงการทั้งหมด มาพิจารณาปรับปรุงเพื่อออกแบบโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป
ในขณะเดียวกัน ได้ผลักดันมาตรการช้อปดีมีคืน 2565 ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565 สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและค่าบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสืออีบุ๊ก และสินค้าโอทอป มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 30,000 บาท สำหรับปีภาษี 2565 ซึ่งจะยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี 2566