กลุ่มผู้ปกครอง ได้ส่งจดหมายถึง MONO 29 เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ ในประเด็นการเข้าค่ายนักศึกษาวิชาทหาร ปี2 และ3 ในสถานการณ์โรคระบาด โดยใจความในหนังสือฉบับดังกล่างระบุว่า
เนื่องจากไร้หนทางที่เยาวชนไทยจะหาทางช่วยตนเองในช่วงวิกฤตโรคระบาดนี้ เยาวชนพยายามปกป้องตัวเองโดยใช้ แพลทฟอร์ม twitter , IG ด้วยแฮชแท็ก #ยกเลิกเขาชนไก่ และมีสำนักข่าวบางช่องได้นำเสนอข่าวออกไป และเรื่องก็เงียบ หายไป กำหนดการเข้าค่ายของนักศึกษาวิชาทหาร ปี2 และ3 ยังคงมีการดำเนินการต่อไปท่ามกลางสายพันธุ์ โอมิครอน
การยื่นจดหมายร้องทุกข์ร้องเรียนไปหน่วยงานนั้นต้องทำการลงลายมือชื่อร่วมของผู้ไม่เห็นด้วย ทุกคนไม่มีใครอยากทำการลงชื่อ เพื่อให้สืบค้นหาตนเอง อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนในการติดตามตัวตนได้นี่เป็นสิ่งที่สังคมรับรู้ว่าเป็นเช่นไร
จึงขอร้องทุกข์กับ Mono 29 ได้โปรดช่วยเยาวชนไทยในช่วงวิกฤติโรคระบาดนี้ด้วย
ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุข ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 หลายๆโรงเรียนทำการเปิด on site ก็ทำการปิดตัวเปลี่ยนเป็น online เพราะมีนักเรียนติดโควิด
เหตุใดหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนยังคงยืนยันที่จะให้นักศึกษาวิชาทหารไปค่าย แม้ว่าทางหน่วยฯแจ้งว่าจะมีการตรวจATK ใน72 ชม.ก่อนไปค่ายนั้น จากการที่ได้สอบถามแพทย์ การตรวจATKก่อน72ชม.ก่อนไปค่ายนั้น ไม่ได้ผล100% และต้องตรวจซ้ำอีกภายใน 3 วัน
หลังจากการตรวจครั้งแรก เพราะสามารถรับเชื้อได้หลังจากการตรวจ 72ชม. จึงควรตรวจซ้ำ แล้วหากระหว่างอยู่ค่ายมีผู้ติด เชื้อในเวลานั้น เพราะทุกๆคนก็ทราบ การกิน นอน อาบน้ำ ไปฐาน กับคนจำนวนมากๆในสถานที่เดียวกันในสภาพที่เป็นจริง
ตามที่นักศึกษาวิชาทหารทุกๆปีประสบมา(ไม่ใช่สภาพเมื่อออกสื่อ) นั้นคือความเสี่ยงสูงมาก
แฮชแท็ก “ยกเลิกเขาชนไก่” เป็นประเด็นร้อนที่ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ในทวิตเตอร์ จากนักเรียนชั้น ม.6 ที่เป็นนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งมีกำหนด ต้องไปฝึกภาคสนาม ที่เขาชนไก่ จ.กาญจนบุรี ต้นปีหน้า เนื่องจากกังวลต่อการแพร่เชื้อโควิด-19
จึงเรียกร้องให้ยกเลิกกิจกรรมนี้ไปก่อน ที่เป็นประเด็นคือ ปี 3 เด็กเขาต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าไปเข้าข่ายแล้วติดเชื้อกลับมา ป่วยต้องรักษากันซึ่งมันคาบเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เด็กบางคนยังไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือบางคนมีกำหนดฉีดวัคซีนเข็ม 2 ก่อนกำหนดการไปเข้าค่าย ร.ด. 2 วันเอง ซึ่ง หลังจากการฉีดวัคซีนห้ามออกกำลังกายหนัก 2 สัปดาห์
จาการสอบคัดเลือกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปี1 ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ามาตรการที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เคยแจ้งไว้นั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นจริง นักเรียนยังคงมีการต้องถอดหน้ากาก เช่น ทดสอบร่างกาย นักเรียนหายใจไม่สะดวกเมื่อซิทอัพ ยังคงต้องถอดเพื่อรับ ออกซิเจน และการแจ้งตรวจATK ใน72ชั่วโมง ไม่ได้เกิดความปลอดภัยจริง หากนักเรียนได้รับเชื้อหลังตรวจ แล้วมาเข้าร่วม จากภาพข่าว(เนื่องจากในสถานที่จริงไม่สามารถบันทึกภาพได้) บรรยากาศการรับสมัครนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปีการศึกษา 2564 สามารถสอบถามนักเรียนที่ไปทำการสอบได้
หากเยาวชนได้รับการติดเชื้อโรคระบาดจากการไปค่ายเขาชนไก่ ทางท่านพล.ท.วสุ เจียมสุข และหน่วยบัญชาการรักษา ดินแดน จะแสดงความรับผิดชอบต่อเยาวชน อย่างไร หากคลัสเตอร์โควิดจากค่าย เกิดนำมาติดต่อภายในครอบครัว การติดเชื้อเกี่ยวเนื่องกับ
การไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือในทางเลวร้ายสุดคือเกิดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ อนาคตของเยาวชนคุ้มค่ากับการแลกหรือไม่ แล้วหากคนภายในครอบครัวติดเชื้อแล้วเสียชีวิตจากนักศึกษาวิชาทหารที่กลับจากค่าย ท่านและหน่วยฯสามารถรับผิดชอบได้หรือ หากให้ความเห็นว่า เมื่อติดเชื้อกลับไปให้ทำตามมาตราการควบคุมโรค แยกตัว คือการผลักภาระความรับผิดชอบนี้มาให้กลับ
ครอบครัวของนักศึกษาวิชาทหารเองหรือไม่ และการออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์เมื่อมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“การป้องกัน ดีกว่าแก้ไข” การยกเลิกการไปค่ายเขาชนไก่ เกิดผลดีมากกว่าผลเสีย งบประมาณในส่วนนี้ก็สามารถส่งคืนรัฐนำไปใช้ในงบ กระทรวงสาธารณสุขได้ประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่า
อย่างไรก็ตาม มีวิธีการให้นักศึกษาวิชาทหารผ่านการสอบไปได้หลากหลายทาง สามารถใช้การเรียนการสอนการสอบได้เช่นเดียวกับ สถาบันการศึกษาใช้ในระบบออนไลน์ ที่ดำเนินการกันอยู่ทั่วประเทศ เช่น ทำภาคปฎิบัติ ส่งเป็นคลิปเช่นเดียวกับวิชาสุขศึกษา หรือการทำรายงานเช่นเดียวกับวิชาอื่นๆที่พึงกระทำอยู่ในปัจจุบัน
โปรดเห็นแก่อนาคตเยาวชนของชาติที่จะต้องเดินทางไปสู่เป้าหมายในระดับ มหาวิทยาลัย โปรดเห็นแก่ความปลอดภัยของตัวเยาวชน และครอบครัวด้วยเถอะ