เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2564 เวลา 21.00 นาฬิกา ที่หน้าเรือนจำจังหวัดกระบี่ ถนนอุตรกิจ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ตั้งแต่สามแยกหน้าโรงเรียนอิศรานุสรณ์ จนถึงวงเวียนโรงเรียนอุตรกิจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้ปิดเส้นทางไม่ให้รถทุกชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องวิ่งผ่านหน้าเรือนจำจังหวัดกระบี่ เพื่อให้กำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษเรือนจาก 7 จังหวัด พร้อมด้วยกำลังนาวิกโยธินจากกองพันทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน กำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 43 ทุ่งสง กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และอาสารักษาดินแดนจังหวัดกระบี่ที่ 1 ได้ปฏิบัติภารกิจในการขนย้ายนักโทษไปยังเรือนจำต่างๆ โดยมีนายนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายภักดี แก้วเนียม ผู้บัญชาการเรือนจำภาค 8 พลตำรวจตรี ชัยวัฒน์ อุ้มคำ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ นาวาเอก สุรวุฒิ สุขมงคล ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน นำกำลัง 300 นาย คอยคุมกันรอบเรือนจำจังหวัดกระบี่อย่างเข้มแข็งเพื่อป้องกันนักโทษหลบหนี

ซึ่งการขนย้ายนักโทษเรือนจำจังหวัดกระบี่ครั้งนี้ ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ระดมกำลังรถยนต์ขนนักโทษในพื้นที่ 11 จังหวัดภาคใต้ และขอความร่วมมือจากสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 และสำนักงานตำรวจภูธรภาค 9 มารับนักโทษชายและนักโทษหญิง จำนวน 2,159 คน ออกจากเรือนจำจังหวัดกระบี่ และเรือนจำชั่วคราวกระบี่น้อย ไปส่งยังเรือนจำจังหวัด 1 จังหวัดภาคกลาง และ 3 เรือนจำในจังหวัดภาคคือ ได้แก่ นักโทษแกนนำหรือหัวโจก ก่อเหตุจลาจล จำนวน 31 คน ไปยังเรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี ส่วนนักโทษคนอื่นๆได้กระจายไปยังเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช และเรือนจำจังหวัดสงขลา ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำพลังทำการขนย้ายนักโทษ ได้มีพ่อ แม่ พี่ น้อง และญาตินักโทษ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่มากกว่า 200 คน ยืนและนั่งกระจัดจายอยู่ริมถนนเพื่อมาดูและสอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่าญาติของตนไปยู่ที่เรือนจำไหน

ขณะที่รถยนต์ขนนักโทษรอเข้าขบวนเพื่อจะได้เดินทางไปพร้อมๆกัน เหล่าบรรดาญาตินักโทษได้กรูห้อมล้อมรถขนนักโทษ เพื่อเรียกชื่นนักโทษที่เป็นญาติโดยที่ไม่เกรงกลัวว่าจะมีการติดเชื้อๆไวรัสโควิด 19 แต่อย่างใด เมื่อเจ้าหน้าที่เรือนจำมาห้ามปรามแต่กลับไม่พอใจจนเกือบเกิดการจราจลขึ้น ซึ่งการขนย้ายนักโทษเรือนจำจังหวัดกระบี่ได้ปิดฉากสิ้นสุดของการควบคุมนักโทษชายและหญิง ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด และคดีอุกฉกรรจ์ จำนวน 2,158 คน เมื่อเวลา 03.45 นาฬิกา ของวันที่ 18 ธันวาคม 2564 ส่วนของกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ถอนกลับที่ตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่าส่วนภายในเรือนจำจังหวัดกระบี่ ยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจะสามารถปรับปรุงซ่อมแซมให้กลับสภาพเดิมเพื่อใช้งานต่อไปได้หรือไม่ เพราะไม่สามารถเข้าไปภายในเรือนจำได้ และไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเปิดเผยข้อเท็จจริงว่าได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงไร หรืออาจจะมีการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดกระบี่หลังใหม่ขึ้นที่ไหนหรือไม่

นักโทษเริ่มเกิดเหตุการณ์จลาจล คืนวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ได้มีการจุดไฟเผา และทำลายห้องขังและอาคารต่างๆ รวมถึงทำลายสิ่งของและอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ของโรงครัว และโรงฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขัง ตลอดทั้งกลางคืนและกลางวันของวันดังกล่าว แต่ที่แน่ชัด คืออาคารไม้เก่าแก่กว่า 100 ปี 2 ชั้นที่เป็นเรือนนอนและห้องสมุด ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้วอดทั้งหลัง จนเจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังบุกเคลียร์พื้นที่และจับแกนนำได้สำเร็จ